วิดีโอ
วิธีการแปลงไฟล์เสียงอย่างรวดเร็วและง่ายดาย
การแปลงรูปแบบไฟล์เสียงถือเป็นงานที่โปรดิวเซอร์และวิศวกรเสียงต้องพบเจออยู่บ่อยๆ คู่มือนี้จะช่วยให้สามารถทำความเข้าในไฟล์เสียงประเภทต่างๆ และวิธีแปลงไฟล์
![ผู้ชายกำลังใช้ Adobe Audition เพื่อแปลงไฟล์เสียงบนแล็ปท็อป](./media_127beb93365938275c3b9260649562aa76bcd80f1.png?width=750&format=png&optimize=medium)
ไฟล์เสียงประเภทใดที่คุณจำเป็นต้องแปลง
กระบวนการเปลี่ยนไฟล์เสียงประเภทหนึ่งเป็นไฟล์อีกประเภทเรียกว่าการแปลงเสียง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการตรวจสอบให้แน่ใจว่าจะสามารถเล่นและใช้งานเสียงได้ในหลากหลายบริบทเพราะรูปแบบไฟล์เสียงต่างๆ มีการใช้งานที่แตกต่างกัน ไฟล์เสียงที่โปรดิวเซอร์หรือวิศวกรเสียงใช้ดำเนินงานจะไม่เหมือนกับไฟล์ที่คุณดาวน์โหลดลงฮาร์ดไดร์ฟของคุณ ไฟล์เสียงที่ใช้ในบริการสตรีมเพลงต่างๆ อย่าง Spotify ก็ใช้รูปแบบไฟล์ที่แตกต่างออกไปเช่นเดียวกัน
ประเภทของไฟล์เสียง
ประเภทของไฟล์เสียงหลักๆ มีอยู่สามประเภท โดยแต่ละประเภทก็ล้วนมีประโยชน์ในกรณีที่แตกต่างกันไป
ไฟล์ที่ไม่ผ่านการบีบอัด
รูปแบบไฟล์เสียงที่ไม่ผ่านการบีบอัดโดยทั่วไปจะเป็นแทร็กเสียงที่คุณได้จากการอัดเสียง ไฟล์เหล่านี้มีขนาดใหญ่และเก็บข้อมูลที่อัดจากอุปกรณ์ในสตูดิโอไว้อย่างครบสมบูรณ์ รูปแบบไฟล์นี้เหมาะสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อจัดเก็บไว้และการแก้ไข แต่ขนาดที่ใหญ่ส่งผลให้ไฟล์ไม่เหมาะกับการใช้งานประเภทอื่นๆ ไฟล์เสียงที่แบบไม่ได้บีบอัดรวมถึง WAV, AIFF, DSD, RAW และ PCM
ไฟล์ที่บีบอัดแบบไม่สูญเสียข้อมูล
คุณควรบีบอัดไฟล์เพื่อลดขนาดของไฟล์เสียงในการลดพื้นที่ที่ต้องใช้สำหรับการจัดเก็บ การเผยแพร่ และการเล่นไฟล์ ไฟล์ที่บีบอัดแบบ Lossless จะลบข้อมูลซ้ำซ้อนบางส่วนภายในโครงสร้างไฟล์ จึงส่งผลให้ไฟล์มีขนาดเล็กลงแต่ยังคงมีข้อมูลอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ไฟล์เหล่านี้มักใช้ในการมิกซ์และวิศวกรรมเสียง ไฟล์ที่บีบอัดแบบ Lossless รวมถึง FLAC, ALAC, APE และ VOC
ไฟล์ที่บีบอัดแบบสูญเสียข้อมูล
ไฟล์ที่บีบอัดแบบ Lossy จะกำจัดข้อมูลดิจิทัลบางส่วนที่ไม่จำเป็นสำหรับการนำส่งเสียเสียทีเดียว ไฟล์ประเภทนี้ยังคงไว้ซึ่งข้อมูลต้นฉบับส่วนมากแต่จะไม่คงไว้ทั้งหมด ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ Lossy ที่หมายถึงการสูญเสียข้อมูล ไฟล์เหล่านี้เหมาะสำหรับการดาวน์โหลดและการสตรีมเพราะมีขนาดค่อนข้างเล็ก ไฟล์เพลงส่วนใหญ่มักอยู่ในรูปแบบไฟล์บีบอัดแบบ Lossy ซึ่งรวมถึงไฟล์ AAC, WMA, Ogg Vorbis และ MP3
หากคุณต้องการสร้างไฟล์เพื่อใช้บนเดสก์ท็อป Mac หรือ Windows คุณก็อาจใช้ไฟล์ Lossless ได้ แต่หากคุณดำเนินงานในโปรเจกต์ที่จะมีการสตรีมไปยัง iPhone ไฟล์ Lossy จะมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีกว่าให้แก่ผู้ใช้
![อินเตอร์เฟสเครื่องมือ Adobe Audition เหนือภาพไฟล์เสียง](./media_14fe78d9d4bdbfa322bce21241046a1bbb85e6db3.png?width=750&format=png&optimize=medium)
วิธีใช้ Adobe Audition เป็นโปรแกรมแปลงเสียง
คุณสามารถแปลงเสียงใน Audition ได้ง่ายๆ ไม่ว่าคุณจะแปลงเพียงไฟล์เดียวหรือหลายไฟล์ Adobe รองรับไฟล์หลากหลายประเภท ตั้งแต่ไฟล์เสียงที่มีคุณภาพและความแม่นยำสูง ไปจนถึงไฟล์เสียงที่มีความแม่นยำต่ำๆ ซึ่งส่วนมากจะเกี่ยวข้องกับเสียงเตือนหรือริงโทน
วิธีแปลงเพียงไฟล์เดียว
1. คลิกที่ File Export หรือ Save As
2. เลือกประเภทไฟล์ที่คุณต้องการแปลงไฟล์ไปเป็น
3. เลือกชื่อใหม่และตำแหน่งจัดเก็บสำหรับไฟล์
4. คลิกที่ Export หรือ Save
วิธีแปลงชุดไฟล์
1. เปิดหน้าต่างสำหรับประมวลผลไฟล์หลายรายการ
2. ลากไฟล์ทั้งหมดที่คุณต้องการแปลงลงในหน้าต่างสำหรับประมวลผลไฟล์หลายรายการ
3. เลือกว่าจะตั้งชื่อไฟล์อย่างไรและตำแหน่งจัดเก็บ
4. คลิกที่ Export All
แนวทางปฏิบัติในการแปลงไฟล์เสียง
โดยทั่วไป การแปลงไฟล์เสียงมีประโยชน์ในการปรับให้ไฟล์ใหญ่ๆ เล็กลง คุณสามารถแปลงไฟล์ที่ผ่านการบีบอัดเป็นไฟล์ที่ไม่บีบอัดแบบ Lossless หรือไฟล์ที่บีบอัดแบบ Lossy ได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตาม การแปลงไฟล์ที่บีบอัดแบบ Lossy เป็นไฟล์ที่ไม่บีบอัดจะไม่ส่งผลให้ไฟล์มีข้อมูลที่ซับซ้อนกว่าเดิมหรือปลดล็อกข้อมูลที่ซ่อนอยู่แต่อย่างใด แต่จะเป็นเพียงการบรรจุข้อมูลเดิมลงในไฟล์รูปแบบที่แตกต่างออกไป
ด้วยเหตุผลนี้ การเก็บไฟล์ต้นฉบับเอาไว้จึงเป็นแผนที่ดี หากไฟล์ที่บีบอัดสูญหายไป คุณก็สามารถใช้ไฟล์ที่ไม่ได้ผ่านการบีบอัดเพื่อสร้างไฟล์ขึ้นมาใหม่ได้ แต่หากคุณทำไฟล์ที่ไม่ได้บีบอัดสูญหาย ข้อมูลในไฟล์นั้นจะหายไปตลอดกาล ตราบใดที่คุณยังเก็บไฟล์ที่ไม่ได้ผ่านการบีบอัดเอาไว้ คุณจะสามารถแปลงไฟล์เป็นรูปแบบอื่นๆ ได้ทุกเมื่อตามที่ต้องการ โดยถือเป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีเมื่อดำเนินงานกับเสียงที่บันทึกไว้หรือเมื่อคุณแยกเสียงออกมาจากไฟล์วิดีโอ ซึ่งคุณก็ควรมีไฟล์สำรองไว้เสมอ