วิดีโอ
วิดีโอ ASMR คืออะไรและจะสร้างได้อย่างไร
ผู้คนหลายล้านค้นหาวิดีโอ ASMR (Autonomous Sensory Meridian Response (อาการตอบสนองต่อประสาทรับความรู้สึกอัตโนมัติ)) เพื่อช่วยในการผ่อนคลายหรือนอนหลับ เรียนรู้วิธีการสร้างวิดีโอ ASMR ที่ช่วยให้รู้สึกสงบและสบายใจ
ASMR คืออะไร
อาการตอบสนองต่อประสาทรับความรู้สึกอัตโนมัติเป็นประสบการณ์ทั้งทางจิตใจและร่างกาย มีทั้งความรู้สึกสงบ มีความสุข และง่วงนอน ตลอดจนการรู้สึกเสียวซ่าที่หนังศีรษะมาจนถึงหลังคอและสันหลัง ผู้คนมักมีประสบการณ์เกี่ยวกับ ASMR เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบา เห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มและการเคลื่อนไหวของมือที่นุ่มนวล หรือได้ยินเสียงที่ทริกเกอร์ เช่น เสียงกระซิบอ่อนโยน เสียงจากการค่อยๆ พับกระดาษ เสียงการถูนิ้ว หรือเสียงการขยับริมฝีปากเบาๆ
แม้คำว่า ASMR จะมีมาเพียงประมาณสิบปีเท่านั้น แต่เสียงและวิดีโอที่ช่วยผ่อนคลาย ลดอัตราการเต้นของหัวใจ และทำให้สมองรู้สึกซาบซ่านนั้นมีมานานกว่านั้นมาก จิตรกรอย่าง Bob Ross ถือเป็น ASMRtist (คำที่ใช้เรียกผู้สร้างสรรค์ผลงาน ASMR) คนแรกๆ ผู้คนหลายล้านยังคงเข้า YouTube ไปฟังเสียงที่ปลอบประโลมและเสียงป้ายแปรงและมีดลงไปบนผืนผ้าใบ แม้ว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะวาดภาพเมฆและต้นไม้เล็กๆ น่ารักก็ตาม
เรายังไม่ทราบแน่ชัดว่า ASMR ทำงานในสมองอย่างไร แต่คนที่มีความรู้สึกไวต่อภาพและเสียงเหล่านี้เชื่อว่าวิดีโอ ASMR ช่วยในการนอนหลับ ลดความวิตกกังวล และยังรักษาภาวะ PTSD และอาการปวดเรื้อรังด้วย
ไม่ใช่ว่าทุกคนจะตอบสนองต่อสิ่งเร้า ASMR ตัวเดียวกัน (และบางคนก็ตอบสนองในทางลบต่อสิ่งเร้าเหล่านี้) แต่หลายๆ คนสนุกกับสิ่งเร้าเหล่านี้จน “ASMR” เป็นหนึ่งในคำค้นหายอดนิยมของ YouTube ASMRtist ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอย่าง Gibi ASMR และ ASMR Darling มีผู้ติดตามในช่อง YouTube มากกว่าสองล้านคน
พื้นฐานของวิดีโอ ASMR
วิดีโอ ASMR มีความยาวตั้งแต่ 15 นาทีถึง 4 ชั่วโมง แต่ส่วนใหญ่มักมีความยาวอยู่ระหว่าง 20 ถึง 40 นาที เป้าหมายคือการทำให้ผู้ชมผ่อนคลายและนอนหลับ ไม่เหมือนกับวิดีโอเพื่อความบันเทิงส่วนใหญ่ ดังนั้น กฎเหล็กเพียงข้อเดียวก็คือการเคลื่อนไหวในเฟรมนั้นต้องช้าและรอบคอบ และเสียงต้องเบาและเรียบลื่น คุณสามารถพูดเรื่องอะไรก็ได้ อ่านหนังสือ กระซิบอะไรที่เข้าใจได้ยาก หวีผมให้ตุ๊กตา หรือแม้แต่กินอาหารอย่างเลอะเทอะในระยะใกล้ คุณแค่ต้องทำอย่างช้าๆ และรอบคอบ และหลีกเลี่ยงการส่งเสียงดัง
การแสดงบทบาทสมมติถือเป็นเรื่องปกติ
เนื่องจาก ASMR นั้นเกี่ยวกับทั้งทางร่างกายและจิตใจ วิดีโอและพอดแคสต์ ASMR จึงมักมีทั้งการแสดงบทบาทสมมติ ตลอดจนการกระซิบ การแสดงออกทางสีหน้าอย่างอ่อนโยน และการเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ สถานการณ์ในการแสดงบทบาทสมมติมักจะอิงจากประสบการณ์ในชีวิตจริงที่ได้รับการดูแลใส่ใจในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยกับเสียงที่สงบ ที่พบได้บ่อยที่สุดคือการไปสปา ร้านทำผม หรือคลินิกแพทย์ ASMRtist อย่าง Karuna Satori กล่าวว่าหลายๆ คนมีประสบการณ์ ASMR เป็นครั้งแรกในตอนเด็กขณะที่แพทย์ทำการตรวจ น้ำเสียงที่อ่อนโยนและห่วงใยของแพทย์ทำให้รู้สึกซาบซ่านและให้ความรู้สึกง่วงนอนที่ปลอดภัย
อุปกรณ์ไม่สำคัญเท่าวิธีที่คุณใช้งาน
คุณไม่จำเป็นต้องมีอะไรเป็นพิเศษเลยในการเริ่มถ่ายและอัปโหลดวิดีโอ ASMR ของคุณเอง คนดังจากการทำ ASMR บางคนอาจใช้ไมโครโฟนระดับสูงสำหรับสองหูที่ส่งเสียงแยกไปยังหูซ้ายและหูขวา แต่ส่วนใหญ่ก็ใช้ของ Blue Yeti ในราคาที่จับต้องได้ คุณสามารถเริ่มต้นด้วยไมโครโฟนที่มีในโทรศัพท์ของคุณก็ได้ Karuna Satori ใช้ Blue Yeti แต่บางครั้งเธอก็สร้างวิดีโอ “lo-fi” ด้วยไมโครโฟนของ iPhone สิ่งสำคัญที่ ASMRtist ที่รู้จักกันในชื่อ ASMR Glow บอกคือ “ให้ใส่ใจในทุกสิ่งที่คุณทำ แม้ว่าคุณจะก้าวไปเพียงก้าวเดียว แต่ก็เป็นก้าวที่ส่งเสียงดังมาก” แน่นอนว่าคุณสามารถตัดเทคที่ไม่ดีหรือเสียงรบกวนที่ไม่ได้ตั้งใจสร้างขึ้นออกได้ด้วย Adobe Premiere Pro หลังจากที่คุณถ่ายวิดีโอแล้ว
การจัดแสงในวิดีโอเหล่านี้จะแตกต่างกันไป แต่ ASMR Glow แนะนำให้หรี่ไฟลงเนื่องจาก “ผู้คนกำลังพยายามผ่อนคลายและนอนหลับ”
แม้ว่ากล้องจะพัฒนาไปไกลแค่ไหนก็ตาม Satori และ ASMR Glow ก็ถ่ายวิดีโอด้วย iPhone บนขาตั้งกล้อง “กล้องฉันอยู่บนขาตั้งกล้องเสมอ แต่ฉันเล่นกับมุมต่างๆ ด้วยเพราะหากกล้องถ่ายจากด้านล่าง ฉันรู้สึกว่าให้ความรู้สึกอุ่นใจและสบายใจมากขึ้น” ASMR Glow กล่าว
คุณสามารถบันทึกวิดีโอเหล่านี้ได้ในทุกที่ที่เงียบสงบ (Satori บันทึกวิดีโอในห้องใต้หลังคาของคุณแม่) และคุณสามารถจัดสตูดิโอบันทึกเสียงง่ายๆ ที่บ้านเพื่อลดเสียงจากภายนอกได้
การเป็นตัวของตัวเองนั้นสำคัญที่สุด
ASMRtist ที่มีผู้ติดตามเยอะที่สุดไม่ได้ทำได้เพราะมูลค่าการผลิตสูง แต่เพราะการสร้างความสัมพันธ์กับผู้ชมของตน ผู้ชมเริ่มรู้สึกเหมือนรู้จักตัวคนทำคลิป และความคุ้นเคยนั้นทำให้ผู้ชมผ่อนคลายได้ง่ายขึ้นในทุกๆ วิดีโอ “ยิ่งคุณทำให้คนรู้สึกเหมือนมีส่วนร่วมมากแค่ไหน คนก็จะยิ่งคอยติดตามและมีความไว้วางใจมากขึ้น ยิ่งเปิดกว้าง ยิ่งจริงใจ ก็ยิ่งดีมากขึ้น” Satori กล่าว
เช่นเดียวกับศิลปะประเภทอื่นๆ เมื่อคุณเริ่มต้นทำ สิ่งสำคัญคือการค้นหาเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณเอง “ให้ความสำคัญกับตัวเองก่อนเสมอ” Satori กล่าว “เมื่อคุณเริ่มสร้างฐานผู้ชมได้แล้ว คุณค่อยเริ่มฟังความคิดเห็นของผู้ชมได้”
สร้างเนื้อหาที่คุณต้องการเห็น
พยายามนึกถึงทริกเกอร์ ASMR ที่คุณเคยพบเจอและสร้างสิ่งนั้นขึ้นมาใหม่ในกล้อง มีความเป็นไปได้ว่าคนอื่นๆ อาจมีความรู้สึกร่วมได้ “ทำสิ่งที่ทำให้คุณผ่อนคลาย” Satori กล่าว “ฉันมักจะนำสิ่งที่ทริกเกอร์และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตของฉันมาใช้ เพราะทุกคนล้วนแตกต่างกันไป”
ASMR Glow เองก็ให้คำแนะนำที่คล้ายกันว่า “ให้ทำตัวให้โดดเด่นและมีความคิดสร้างสรรค์ให้มากที่สุด ใส่ตัวตนของคุณเข้าไปในวิดีโอจริงๆ ถึงคุณจะคิดว่าความคิดหนึ่งดูบ้าบอก็ตาม แต่ก็ควรลองทำดู กล้าๆ เข้าไว้”
ทำอย่างไรเมื่อมีคนถามว่าเกี่ยวกับเรื่องทางเพศหรือไม่
ให้บอกไปว่าปกติแล้วไม่ใช่ ส่วนหนึ่งของความเข้าใจผิดนี้เกิดขึ้นจากคำบรรยายความรู้สึกในช่วงแรกๆ รวมถึงคำอย่าง “การถึงจุดสุดยอดของสมอง” Satori กล่าวว่า ASMR ที่เกี่ยวกับเรื่องทางเพศนั้นเป็นประเภทที่แยกจากกันต่างหากเลย “แต่ตัว ASMR เองนั้นไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องทางเพศ เป็นความรู้สึกที่เรียบง่าย”
“เป็นเรื่องของความใกล้ชิด ไม่ใช่เรื่องทางเพศ” ASMR Glow กล่าว “ASMR มีประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้คนมากมายในหลายๆ ด้าน แล้วทำไมถึงจัดหมวดหมู่ให้แบบนั้นล่ะ”
คำแนะนำข้อสุดท้ายคือ เมื่อคุณอยู่หน้ากล้อง พยายามทำตัวให้รู้สึกผ่อนคลายและสงบอย่างที่คุณต้องการให้ผู้ชมรู้สึก เป็นตัวของตัวเอง นึกถึงประสบการณ์ ASMR ครั้งแรกหรือครั้งที่ดีที่สุดของคุณ และแสดงความสงบสุขและความอ่อนโยนนั้นออกมาให้โลกได้ดู
จากนั้นก็ตัดต่อวิดีโอ ASMR ของคุณบนโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ และแบ่งปันไปยัง YouTube, Instagram หรือช่องทางโซเชียลอื่นๆ ที่เป็นที่นิยม ใครจะไปรู้ บางทีคุณอาจจะค่อยๆ ส่งเสียงกระซิบจนกลายเป็นคนดังจากการทำ ASMR คนต่อไปก็ได้
คุณอาจสนใจสิ่งเหล่านี้ด้วย
