Generative AI สำหรับชิ้นงานสร้างสรรค์

Generative AI คืออะไรและทำงานอย่างไร

Generative AI เป็นเทคโนโลยีที่ผู้คนต่างพูดถึงกันอย่างแพร่หลาย และไม่ได้เป็นแค่เพียงกระแสนิยมที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปเท่านั้น ไม่ช้าก็เร็ว เทคโนโลยีใหม่นี้อาจเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตของคุณ

Generative AI ได้เก็บข้อมูลเกี่ยวกับไอเดียและจินตนาการของผู้คนทั้งโลกในช่วงปีที่ผ่านมา ปัญญาประดิษฐ์ (AI) อันทรงประสิทธิภาพประเภทนี้สามารถสร้างเนื้อหาใหม่ตามรูปแบบที่เรียนรู้จากข้อมูลเดิม โดยข้อมูลดังกล่าวจะแตกต่างกันไป แต่อาจเป็นภาพถ่าย เพลง งานเขียน และเนื้อหาประเภทอื่นๆ Generative AI สามารถสร้างสรรค์รูปภาพที่น่าอัศจรรย์ เขียนวรรณกรรมหรือโค้ด และผลิตเพลงแร็ปที่ฟังดูเป็นเพลงของศิลปินจริงๆ ก็ได้

 

อีกไม่นาน Generative AI ก็จะกลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิตเราเช่นเดียวกับสมาร์ทโฟน แต่ถึงอย่างนั้น Generative AI ก็ยังเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับใครหลายคน มาดูกันว่า Generative AI คืออะไร สิ่งใดที่ไม่ใช่ Generative AI และ Generative AI สามารถเปลี่ยนการใช้ชีวิตของเราทั้งที่ทำงานและที่บ้านได้อย่างไร

การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Generative AI

แม้ว่า Generative AI อาจดูเหมือนเป็นเวทมนตร์ แต่ปัญญาประดิษฐ์ประเภทนี้ใช้เทคโนโลยีที่มีความละเอียดซับซ้อนอย่างมาก แต่ถ้าหากคุณศึกษาดูทีละส่วน คุณก็จะเริ่มเข้าใจกลไกการทำงานที่ทำให้ “เวทมนตร์” เป็นจริงได้

คำจำกัดความ Generative AI

หัวใจสำคัญในการทำความเข้าใจว่าเหตุใด Generative AI จึงได้รับความนิยมอย่างมากนั้นแฝงอยู่ในชื่อของฟีเจอร์แล้ว นั่นก็คือ ปัญญาประดิษฐ์นี้สามารถสร้างเนื้อหาใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนได้

 

Generative AI ไม่เพียงแค่วิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่เท่านั้น แต่ยังสร้างสรรค์เนื้อหาใหม่ออกมาด้วย ลองนึกดูว่าคุณขอให้แชทบอทที่ขับเคลื่อนโดย Generative AI อย่าง ChatGPT แนะนำสโลแกนสำหรับบริษัทกาแฟใหม่ของคุณ แชทบอทจะตรวจดูสโลแกนเกี่ยวกับกาแฟต่างๆ ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาโดยใช้เวลาไม่กี่วินาที จากนั้นปรุงแต่ง (ขออภัยที่เล่นคำ) สโลแกนใหม่ขึ้นมาว่า “เติมรสชาติให้ชีวิต เพียงแค่จิบทีละนิด” ถือว่าเป็นการเริ่มต้นค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับสโลแกนที่ดีทีเดียวเลยใช่ไหม

 

พลังของ Generative AI นั้นไปไกลกว่าแค่การเล่นคำ โดยสามารถวิเคราะห์สายดีเอ็นเอหลายล้านเส้นแล้วสร้างโปรตีนใหม่ขึ้นมาตั้งแต่แรกเริ่มได้ แพทย์ยังใช้ Generative AI เพื่อปรับปรุงกระบวนการรักษามะเร็ง ซึ่งช่วยกำหนดตำแหน่งเนื้องอกสำหรับการฉายรังสีได้อย่างแม่นยำ ส่วนศิลปินก็ใช้แอปพลิเคชัน Generative AI อย่าง Adobe Firefly เพื่อแสดงความคิดสร้างสรรค์ของตนเองและสร้างผลงานเชิงพาณิชย์

นกน้อยที่มีรายละเอียดสูงอยู่บนถนนกรวดที่มีต้นปาล์ม

ข้อความคำสั่ง: นกน้อยที่มีรายละเอียดสูงอยู่บนถนนกรวดที่มีต้นปาล์ม

AI เทียบกับ Generative AI

ปัญญาประดิษฐ์นั้นมีความหมายตามชื่อ ซึ่งก็คือเครื่องจักรที่เลียนแบบความฉลาดของมนุษย์เพื่อทำงานต่างๆ ตัวอย่างที่รู้จักกันดีก็คือผู้ช่วยด้วยคำสั่งเสียงอย่าง Siri และ Alexa และแชทบอทบริการลูกค้าที่จะปรากฏขึ้นมาเมื่อคุณสอบถาม Amazon เกี่ยวกับพัสดุที่หายไป

 

ถึงแม้ปัญญาประดิษฐ์ที่ไม่ใช่แบบ Generative จะยังคงมีประโยชน์ แต่ Generative AI นั้นเป็นปัญญาประดิษฐ์ระดับปฏิวัติวงการ ตอนนี้เราเพิ่งได้เริ่มสำรวจว่า AI ประเภทนี้จะช่วยมอบผลลัพธ์ที่ต้องการอย่างไรและในด้านใดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้อาจใช้เวลานานกว่าจะได้มาหรืออาจเป็นไปไม่ได้เลย

เหตุใด Generative AI จึงมีความอัจฉริยะมาก

ในอดีตที่ผ่านมา แอปพลิเคชันคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำงานได้เว้นแต่ว่ามนุษย์จะป้อนคำสั่งที่ชัดเจนเกี่ยวกับวิธีทำงานให้สำเร็จเสียก่อน คำสั่งข้างต้นเรียกว่า “การเขียนโปรแกรม” แม้ว่าการเขียนโปรแกรมที่ซับซ้อนจะสร้างผลลัพธ์อันน่าพึงพอใจ แต่แอปพลิเคชันคอมพิวเตอร์ดั้งเดิมจะไม่สามารถทำสิ่งที่มนุษย์ไม่ได้ระบุไว้ในการเขียนโปรแกรมได้

 

ระบบ Generative AI นั้นมีความยืดหยุ่นมากกว่าเนื่องจากอาศัยแมชชีนเลิร์นนิง ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้การเขียนโปรแกรมที่ชัดเจน โดยมนุษย์ต้องให้คอมพิวเตอร์เข้าถึงข้อมูลปริมาณมหาศาลแทน จากนั้นเครื่องจักรจะเทรนตัวเองเพื่อให้รู้จำรูปแบบในข้อมูลนั้นๆ และที่สำคัญที่สุดคือสรุปผลสิ่งที่ได้เรียนรู้ (ซึ่งส่วนการเรียนรู้ของ “แมชชีนเลิร์นนิง” จะเข้ามาช่วยในจุดนี้) ขนาดและคุณภาพของชุดข้อมูลก็มีความสำคัญ AI จะมีประสิทธิภาพมากหรือน้อยเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ใช้เทรน

 

การตอบคำถามที่ว่า “Generative AI ทำงานอย่างไร” นั้นเป็นเรื่องที่ซับซ้อน และการทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้นั้นก็ต้องอาศัยความทุ่มเท แต่ถึงอย่างนั้น ข้อดีของ Generative AI คือการที่คุณไม่จำเป็นต้องทำความเข้าใจทุกแง่มุมเกี่ยวกับประโยชน์ที่จะได้รับจากเทคโนโลยีนี้ สิ่งที่คุณต้องทำมีเพียงแค่ค้นหาแอปอย่าง Firefly จากนั้นพิมพ์สิ่งที่คุณต้องการจะเห็น เช่น “ลูกสุนัขพันธุ์ลาบราดูเดิ้ล 3 ตัววิ่งเล่นบนผืนหญ้า” เท่านี้คุณก็เป็นผู้ใช้ Generative AI แล้ว ไม่จำเป็นต้องจบการศึกษาด้านการเขียนโปรแกรมเลย

ลูกสุนัขพันธุ์ลาบราดูเดิ้ล 3 ตัววิ่งเล่นบนผืนหญ้า

ข้อความคำสั่ง: ลูกสุนัขพันธุ์ลาบราดูเดิ้ล 3 ตัววิ่งเล่นบนผืนหญ้า

การนำ Generative AI มาประยุกต์ใช้

AI มอบผู้ช่วยเสมือนจริงให้กับเรา Generative AI มอบผู้เชี่ยวชาญเสมือนจริงให้กับเรา (โดยมีข้อจำกัดบางข้อที่เราจะกล่าวถึงในภายหลัง)

บริษัทและ Generative AI

Generative AI สามารถเพิ่มมูลค่าได้ด้วยการปรับวิธีจัดการกับความรู้ภายในขององค์กรให้เหมาะสม ตัวอย่างเช่น Generative AI มีศักยภาพในการช่วยให้นักวางกลยุทธ์ของเครือแบรนด์เครื่องแต่งกายค้นหาบันทึกสินค้าคงคลังของบริษัทได้ด้วยการถามคำถามอย่าง “ช่วงฤดูร้อนที่แล้วเราขายกางเกงขาสั้นหรือขายาวเพิ่มขึ้นหรือไม่” ข้อมูลเชิงลึกเช่นนี้อาจเร่งขั้นตอนการตัดสินใจและการพัฒนากลยุทธ์ได้

บุคคลทั่วไปและ Generative AI

บุคคลทั่วไปต่างใช้ Generative AI เพื่อตอบคำถามทั่วไปและค้นคว้าวิจัยกันอยู่แล้ว (โปรดทราบว่าคำตอบและการวิจัยต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากมนุษย์ โดยเราจะพูดถึงเรื่องนี้เพิ่มเติมรวมถึงข้อเสียอื่นๆ ในส่วน “ข้อจำกัดและความท้าทายของ Generative AI” ด้านล่าง)

 

บุคคลทั่วไปยังนิยมใช้ Generative AI สร้างสรรค์งานศิลปะอีกด้วย คุณสามารถทดลองแนวคิด สร้างมูดบอร์ด และปรุงแต่งฉากอันน่าตื่นตาตื่นใจได้อย่างรวดเร็วโดยใช้ถ้อยคำที่พบเจอในชีวิตประจำวัน แต่เรื่องดังกล่าวก็อาจประสบปัญหาได้เช่นกัน เนื่องจากเครื่องมือสร้างงานศิลปะด้วย AI หลายประเภทผ่านการเทรนโดยใช้รูปภาพที่มีลิขสิทธิ์

 

แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ด้วย เพื่อช่วยขจัดข้อกังวลเหล่านี้ Adobe จึงเทรน Firefly โดยใช้รูปภาพที่มีสิทธิ์การใช้งานใน Adobe Stock รวมถึงเนื้อหาแบบไม่จำกัดสิทธิ์การใช้งาน และเนื้อหาในโดเมนสาธารณะซึ่งลิขสิทธิ์หมดอายุแล้ว คุณสามารถนำ Firefly ไปประยุกต์ใช้ได้ในหลากหลายด้าน เช่น ศิลปะเชิงพาณิชย์ การออกแบบ วงการเกม สภาพแวดล้อมเสมือนจริง และอื่นๆ เนื่องจากได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานเชิงพาณิชย์ได้

งานออกแบบภายใน, ทัศนียภาพห้องนั่งเล่นและห้องครัวที่มีเกาะ, หน้าต่างบานใหญ่ที่มีแสงธรรมชาติ, โทนสีอ่อน, พืชพรรณ, เฟอร์นิเจอร์สมัยใหม่, ช่องรับแสง, การออกแบบสไตล์มินิมอลสมัยใหม่

ข้อความคำสั่ง: งานออกแบบภายใน, ทัศนียภาพห้องนั่งเล่นและห้องครัวที่มีไอส์แลนด์กลางครัว, หน้าต่างบานใหญ่ที่มีแสงธรรมชาติ, โทนสีอ่อน, พืชพรรณ, เฟอร์นิเจอร์สมัยใหม่, ช่องรับแสง, การออกแบบสไตล์มินิมอลสมัยใหม่

ประโยชน์ที่จะได้รับและข้อได้เปรียบของ Generative AI

Generative AI สามารถทำความเข้าใจข้อมูลอันซับซ้อนในปริมาณมากได้เร็วกว่าที่มนุษย์สามารถทำได้ ซึ่งเป็นที่มาของข้อได้เปรียบหลักๆ 2 ข้อนี้ของ Generative AI


1. ประสิทธิภาพมากขึ้น

2. ประสิทธิผลดีขึ้น

สมมติว่าคุณทำงานกับบริษัทที่จัดเก็บข้อมูลกรรมสิทธิ์ในรายงานที่เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร สเปรดชีต ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ และแม้กระทั่งแผนภูมิกราฟิก คุณสามารถใช้ประโยชน์จาก Generative AI เพื่อวิเคราะห์แหล่งข้อมูลดังกล่าวทั้งหมด หาจุดเชื่อมโยงระหว่างข้อมูลแต่ละอย่าง และตอบคำถามที่คุณสงสัยได้ AI ยังสามารถแชร์คำแนะนำตามการสังเคราะห์ข้อมูลได้อีกด้วย

 

หลายวงการมีแนวโน้มที่จะมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพิ่มพูนยิ่งขึ้น หากคุณเป็นผู้จัดการด้านการตลาดของธุรกิจขนาดย่อม Generative AI จะช่วยให้คุณปรับขนาดโฆษณาออนไลน์ได้อย่างรวดเร็วเพื่อให้ตรงกับข้อกำหนดการแสดงโฆษณาของหลายๆ พื้นที่ใช้งาน จากนั้นคุณสามารถใช้ Generative AI เพื่อรายงานประสิทธิภาพการทำงานของแอสเซท เพื่อระบุหาเทรนด์และโอกาสที่คุณนำมาเสริมสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดถัดไปได้

 

ส่วนประโยชน์หลักที่อาจจะได้รับจาก Generative AI ประการที่ 3 ได้แก่

3. ความคิดสร้างสรรค์เพิ่มขึ้น

แน่นอนว่าผู้คนนั้นมีความคิดสร้างสรรค์อันยอดเยี่ยม แต่แม้แต่ผู้ที่ปราดเปรื่องมากที่สุดก็อาจติดหล่มแห่งความซ้ำซากจำเจได้ ตัวอย่างเช่น นักออกแบบกราฟิกสามารถใช้ AI เป็นเป็นคู่หูในการระดมความคิดได้ เทคโนโลยีนี้สามารถผลิตไอเดียใหม่ๆ ให้ออกมาในแบบที่ต่างไปจากเดิม เสมือนกับกล้องคาไลโดสโคปที่ทำให้ภาพที่คุ้นเคยดูแปลกใหม่ ในกรณีเช่นนี้ AI จึงถือได้ว่าเป็นผู้ร่วมสร้างสรรค์ผลงานมากกว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญเสมือนจริง

ข้อจำกัดและความท้าทายของ Generative AI

ศักยภาพของ Generative AI นั้นน่าตื่นตาตื่นใจจนแทบจะทำให้เรามองข้ามข้อจำกัดที่มีไปอย่างง่ายดาย ต่อไปนี้เป็นความท้าทายหลายประการที่ต้องก้าวข้ามผ่านไปให้ได้

AI ไม่ได้ถูกต้องแม่นยำเสมอไป

ตามที่เราได้กล่าวถึงไปแล้วในส่วน “การนำ Generative AI มาประยุกต์ใช้” เครื่องมือ Generative AI อย่าง ChatGPT นั้นไม่ได้ถูกต้องแม่นยำตามข้อเท็จจริงเสมอไป อาจมีบางครั้งที่ชุดข้อมูลและอัลกอริทึมที่ปรับแต่งมาอย่างดีนั้นช่วยลดความเสี่ยง แต่ในขณะเดียวกัน เราซึ่งเป็นมนุษย์ต้องไม่ปักใจเชื่อกับข้อมูลที่อ่านในทันที ให้ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลด้วยการเปรียบเทียบกับแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้

อาจมีอคติอยู่ในจุดใดก็ได้

การตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้นทำได้ค่อนข้างง่าย แต่การปิดกั้นอคติทางสังคม (เช่น อคติทางเพศ หรือเชื้อชาติ) จากผลลัพธ์ Generative AI นั้นทำได้ยากยิ่งกว่า แต่ก็เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำอยู่ดี เพื่อป้องกันไม่ให้อคติทางสังคมปรากฏในผลลัพธ์ Generative AI ผู้ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับ AI ต้องมองหาอคติให้เจอแล้วขจัดออกจากขั้นตอนการออกแบบ การพัฒนา ไปจนถึงการนำไปใช้งาน และต้องมุ่งมั่นควบคุมดูแลอย่างต่อเนื่อง

 

ในฐานะผู้ใช้ เราก็ช่วยขจัดอคติให้หมดไปได้เช่นกัน ลองป้อนข้อความคำสั่งว่า “นักวิทยาศาสตร์สวมเสื้อกาวน์ถือหลอดทดลอง” ลงในเครื่องมือสร้างงานศิลปะด้วย AI แล้วดูว่าผลลัพธ์แสดงเฉพาะภาพบุคคลประเภทเดิมทุกครั้งที่คลิกปุ่ม “Generate” หรือไม่ คุณสามารถส่งข้อความหานักพัฒนาเครื่องมือดังกล่าวเพื่อแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับจุดบอดได้ จากนั้นปรับแต่งข้อความคำสั่งเพื่อผลิตผลลัพธ์ที่หลากหลายยิ่งขึ้น

นักวิทยาศาสตร์สวมเสื้อกาวน์ถือหลอดทดลอง

ข้อความคำสั่ง: นักวิทยาศาสตร์สวมเสื้อกาวน์ถือหลอดทดลอง

Generative AI อาจใช้พลังงานมาก

บริษัทต่างๆ ที่พัฒนาเครื่องมือ Generative AI ควรทราบถึงปริมาณพลังงานที่จำเป็นในปัจจุบันสำหรับการเทรนและบำรุงรักษาเครื่องมือเหล่านี้ด้วย แม้ว่าวงการจะเริ่มตอบสนองต่อความจำเป็นในการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์แล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ

ปัญหาอีกประการก็คือสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา

ครีเอเตอร์ระดับมืออาชีพนั้นมีสิทธิ์โดยชอบธรรมที่จะกังวลเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ โดยปัจจุบันมีศาลหลายแห่งที่มุ่งหาแนวทางขจัดข้อกังวลเหล่านี้แล้ว Adobe เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของบริษัทที่มุ่งมั่นช่วยเหลือเหล่าครีเอเตอร์ นอกเหนือจากการพัฒนา Generative AI ของ Firefly อย่างมีความรับผิดชอบแล้ว Adobe ยังช่วยสร้างมาตรฐานวงการผ่าน Content Authenticity Initiative (CAI) และกำลังพัฒนายูนิเวอร์แซลแท็กที่ระบุข้อความ “Do Not Train” ที่ช่วยให้ครีเอเตอร์ควบคุมได้ว่าจะอนุญาตให้โมเดล AI เทรนโดยใช้ผลงานของตนเองได้หรือไม่

การผสานรวม Generative AI ไว้ในเวิร์กโฟลว์ของคุณ

Generative AI นั้นเปี่ยมด้วยศักยภาพ ตัวคุณเองก็มีศักยภาพเช่นกัน ในฐานะบุคคลทั่วไป การศึกษาข้อมูลอย่างเพียงพอนั้นเป็นเรื่องสำคัญสูงสุด ขอแนะนำให้ตรวจสอบนโยบายความเป็นส่วนตัวก่อนที่จะใช้เครื่องมือ Generative AI หากคุณไม่เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว ก็ให้เลี่ยงไม่ใช้เครื่องมือนั้น คิดทบทวนก่อนที่จะอัปโหลดข้อมูลส่วนบุคคลไปยังเครื่องมือ Generative AI ใดๆ เมื่อลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว หากคุณต้องการให้ข้อมูลส่วนใดยังคงเป็นความลับ ก็ไม่ต้องอัปโหลดข้อมูลส่วนนั้นไปยังเครื่องมือ หากคุณต้องการนำผลลัพธ์ที่ได้ไปใช้งานเชิงพาณิชย์ ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการตั้งค่าเครื่องมือให้หลีกเลี่ยงการละเมิดลิขสิทธิ์ ธุรกิจที่นำ Generative AI มาใช้ควรตรวจสอบผลลัพธ์ที่สร้างขึ้นอยู่เสมอเพื่อหาความถูกต้องแม่นยำ อคติ และการละเมิดลิขสิทธิ์

 

ซึ่งถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันไม่ให้บริษัทเผชิญกับความเสี่ยงด้านชื่อเสียงและกฎหมาย ควบคู่ไปกับคอยติดตามกฎระเบียบที่มีการปรับแก้ ผู้คนควรเป็นผู้ที่เสริมสร้างการออกแบบแนวคิดและกลยุทธ์ โปรดจำไว้ว่า AI เป็นเพียงแค่ผู้ช่วย ส่วนคุณนั้นเป็นผู้สั่งการ

เปิดรับอนาคตแห่งการออกแบบด้วย Generative AI ของ Adobe Firefly

Generative AI ได้เปลี่ยนการใช้ชีวิตของพวกเราแล้ว หากใช้เป็นผู้เชี่ยวชาญเสมือนจริง Generative AI อาจปรับปรุงประสิทธิผลและประสิทธิภาพในหลายวงการ หากใช้เป็นคู่หูในการระดมความคิด Generative AI ก็สามารถเพิ่มพูนความคิดสร้างสรรค์ของเราได้

 

เทคโนโลยีนั้นวิวัฒน์อย่างรวดเร็วจนถึงขั้นที่ Generative AI ในวันข้างหน้าอาจแตกต่างจาก Generative AI ในวันนี้อย่างมาก หากเราสำรวจเครื่องมือนี้ด้วยความใคร่รู้และรอบคอบ เราก็จะได้รับประโยชน์จากเครื่องมือในขณะที่ป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดได้

สวนชาญี่ปุ่น

ข้อความคำสั่ง: สวนชาญี่ปุ่น

มีคำถามใช่ไหม เรามีคำตอบ

Generative AI เป็น AI ประเภทหนึ่งที่เน้นการสร้างหรือผลิตเนื้อหาใหม่ เช่น รูปภาพ เพลง หรือข้อความ โดยใช้โมเดลอัลกอริทึมและโมเดลแมชชีนเลิร์นนิง โดยทั่วไปแล้ว Generative AI ทำงานโดยใช้ข้อมูลที่ผู้ใช้ป้อนอย่างข้อความคำสั่งเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่สอดคล้องกัน เช่น ข้อความ รูปภาพ เพลง หรือวิดีโอ

การนำ Generative AI มาประยุกต์ใช้จริงนั้นมีหลากหลายรูปแบบ เช่น การเขียนโค้ดคอมพิวเตอร์ การสร้างสรรค์รูปภาพและวิดีโอ การสรุปรายงาน การวิเคราะห์ข้อมูลยอดขาย และการให้บริการลูกค้า

หากพูดอย่างกว้างๆ ปัญญาประดิษฐ์คือเครื่องจักรที่เลียนแบบความฉลาดของมนุษย์เพื่อทำงานต่างๆ Generative AI เน้นการสร้างหรือผลิตเนื้อหาใหม่ เช่น รูปภาพ เพลง หรือข้อความ โดยใช้โมเดลอัลกอริทึมและโมเดลแมชชีนเลิร์นนิง โดยทั่วไปแล้ว Generative AI ทำงานโดยใช้ข้อมูลที่ผู้ใช้ป้อนเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่สอดคล้องกัน

ประโยชน์หลักที่อาจจะได้รับจากปัญญาประดิษฐ์ประกอบด้วยประสิทธิผลดีขึ้น ประสิทธิภาพมากขึ้น และความคิดสร้างสรรค์เพิ่มขึ้น ส่วนข้อจำกัดประกอบด้วยข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแม่นยำ การส่งเสริมอคติ การละเมิดลิขสิทธิ์ และการใช้พลังงาน

ธุรกิจและบุคคลทั่วไปสามารถมองหาด้านต่างๆ ในเวิร์กโฟลว์ของตนที่อาจได้รับประโยชน์จากประสิทธิผล ประสิทธิภาพ หรือความคิดสร้างสรรค์เพิ่มเติม ธุรกิจต่างๆ ที่ใช้ Generative AI ควรดูผลลัพธ์ที่สร้างขึ้นเพื่อตรวจสอบความถูกต้องแม่นยำ อคติ และการละเมิดลิขสิทธิ์ ควบคู่ไปกับเปิดโอกาสให้พนักงานเสริมสร้างการออกแบบแนวคิดและกลยุทธ์ ส่วนบุคคลทั่วไปสามารถใช้เครื่องมือ Generative AI เพื่อการทำงานและความบันเทิงได้ พร้อมทั้งระมัดระวังเรื่องข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองด้วย

แชร์บทความนี้

ฝันให้ไกลขึ้นด้วย Adobe Firefly

จินตนาการ ทดลอง และสร้างสรรค์ผลงานด้วย Generative AI ในเว็บแอป Firefly มาใหม่ใน Creative Cloud พร้อมให้ใช้งานเชิงพาณิชย์แล้วตอนนี้

และคุณอาจชอบ

ศิลปะด้วย AI สำหรับนักพัฒนาเกม
นักบินอวกาศบนพื้นหลังหลากสีสันที่ Firefly สร้างขึ้น
ไอเดียข้อความคำสั่งงานศิลปะด้วย AI
ภาพปราสาทตั้งตระหง่านบนเนินทรายที่ Firefly สร้างขึ้น