ข้อความคำสั่ง: (ซ้าย) หุ่นยนต์ย้อนยุคสมัยยุค 80 กำลังเต้นในคลับที่วุ่นวาย ผู้คนมากมาย แบบนามธรรม และ (ขวา) หุ่นยนต์ย้อนยุคกำลังเต้นในคลับที่วุ่นวาย ผู้คนมากมาย อนิเมแบบไซคีเดลิก
Generative AI สำหรับชิ้นงานสร้างสรรค์
สำรวจรูปแบบศิลปะสำหรับข้อความคำสั่ง AI
ดูวิธีการสร้างรูปภาพในรูปแบบเซอร์เรียลลิสม์ คิวบิสม์ อิมเพรสชันนิสม์ และรูปแบบศิลปะอื่นๆ ด้วย Generative AI
รูปแบบศิลปะคืออะไร
ตั้งแต่ภาพวาดผนังถ้ำในยุคก่อนประวัติศาสตร์ไปจนถึงศิลปะพิกเซลสไตล์โพสต์โมเดิร์น แต่ละยุคต่างก็มีการสร้างสรรค์ศิลปะในรูปแบบที่โดดเด่น รูปแบบเหล่านี้มักเกิดขึ้นเพื่อตอบโต้กับกระแสนิยมที่มีมาก่อนหน้า ตัวอย่างเช่น ศิลปะแนวอิมเพรสชันนิสม์ที่มีลักษณะตรงกันข้ามกับศิลปะแนวเรียลลิสม์ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ซึ่งศิลปะแนวเรียลลิสม์เองก็เป็นรูปแบบศิลปะที่ตอบโต้กับศิลปะแนวโรแมนติกที่มีมาก่อนหน้าเช่นกัน
ตามประวัติศาสตร์แล้ว จิตรกรและประติมากรจะได้รับการฝึกฝนตามรูปแบบศิลปะที่ได้รับความนิยมในช่วงเวลาของตน แต่เมื่อมีเครื่องมือสร้างงานศิลปะด้วย AI ทุกคนก็สามารถสร้างงานศิลปะในรูปแบบใดจากยุคสมัยใดก็ได้
เหตุใดจึงต้องใส่รูปแบบศิลปะลงในข้อความคำสั่ง AI
หากต้องการผลลัพธ์จากการสร้างรูปภาพด้วย AI ให้ออกมาดี รูปแบบศิลปะจะช่วยให้เข้าใจได้ถึงวิธีการทำงานของศิลปะ AI เครื่องมือสร้างงานศิลปะด้วย AI จะใช้โครงข่ายระบบประสาทเทียม หรือก็คือระบบทางคณิตศาสตร์ที่มีความซับซ้อนเป็นอย่างมากในการค้นหารูปแบบต่างๆ จากชุดข้อมูลขนาดใหญ่ โครงข่ายเหล่านี้ผ่านการฝึกกับรูปภาพจำนวนมากกว่าหนึ่งร้อยล้านรูป จึงสามารถเปลี่ยนข้อมูลที่คุณพิมพ์ลงในช่องข้อความคำสั่งให้กลายเป็นภาพได้
โมเดลเหล่านี้ยังผ่านการฝึกกับศิลปะรูปแบบต่างๆ มากมาย คุณจึงสามารถใช้งาน AI ด้วยข้อความคำสั่งที่เป็นรูปแบบศิลปะได้ ไม่จำเป็นต้องเขียนรายละเอียดมากมายเพื่อบรรยายถึงลักษณะพิเศษแต่ละข้อของรูปแบบที่คุณต้องการใช้ เพราะคุณสามารถประหยัดแรงและเวลาได้โดยการระบุรูปแบบทางศิลปะที่คุณต้องการปรับใช้กับข้อความคำสั่งของคุณ
สมมติว่าคุณต้องการสร้างรูปภาพงานเลี้ยงเฉลิมฉลอง 100 ปีของ The Great Gatsby ให้มีกลิ่นอายของศิลปะแนวอาร์ตเดโค คุณอาจพิมพ์ว่า “ผู้ชายสวมชุดทักซิโด้ยืนอยู่ข้างหน้าบาร์ค็อกเทล” ในช่องข้อความคำสั่งในโมดูล Text to Image ของ Firefly แล้วสร้างผลลัพธ์ที่ดีได้ แต่หากคุณเพิ่มคำว่า “รูปแบบอาร์ตเดโค” ลงในข้อความคำสั่ง คุณจะได้รับผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นและตรงกับรูปลักษณ์ในยุคทศวรรษที่ 1920 มากขึ้น
ซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องพิมพ์ว่า “รูปแบบอาร์ตเดโค” ใน Firefly ด้วยซ้ำ เพราะคุณสามารถเลือก “Art Deco” จากส่วน Effects ในแผงควบคุมทางด้านขวาได้ โดย Firefly จะใช้ความรู้ที่มีเกี่ยวกับลักษณะพิเศษของรูปแบบอาร์ตเดโคเพื่อสร้างรูปภาพที่ตรงกับแนวรอริงทเวนตีส์
หากเอฟเฟกต์แนวอาร์ตเดโคไม่ค่อยตอบโจทย์วิสัยทัศน์ของคุณ รูปแบบนี้เป็นเพียงแค่รูปแบบหนึ่งจากศิลปะกว่า 25 รูปแบบที่มีให้เลือกในแผงควบคุม คุณสามารถสำรวจรูปแบบศิลปะต่างๆ มากมายได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ในกรณีนี้ เอฟเฟกต์แบบโมเดิร์นหรือคิวบิสม์อาจตอบโจทย์ได้มากกว่า
ข้อความคำสั่ง: ผู้ชายสวมชุดทักซิโด้ยืนอยู่ข้างหน้าบาร์ค็อกเทล รูปแบบอาร์ตเดโค
รูปแบบศิลปะยอดนิยมที่คุณสามารถลองใช้ได้ใน Firefly
ไม่ว่าคุณจะต้องการสร้างตัวแบบหรือรูปลักษณ์แบบใด คุณก็สามารถทดลองใช้รูปแบบศิลปะต่างๆ จากส่วน Effects ในแผงควบคุมของ Firefly ได้ ด้านล่างนี้เป็นตัวอย่างไอเดียรูปแบบศิลปะยอดนิยมที่นำมาใช้กับคำสั่ง "งานเต้นรำสัตว์" สำหรับ AI
เบาเฮาส์
สถาบันเบาเฮาส์ก่อตั้งขึ้นที่ประเทศเยอรมนีในช่วงทศวรรษ 1910 ซึ่งได้มุ่งเน้นหลักการที่ว่าการออกแบบสมัยโมเดิร์นควรเรียบง่าย ใช้ได้จริง และทำซ้ำในจำนวนมากได้ง่าย ใช้รูปแบบเบาเฮาส์เพื่อสร้างรูปภาพในแบบรูปทรงเรขาคณิตและเส้นที่ลากแบบเรียบง่าย
อิมเพรสชันนิสม์
เกิดขึ้นในประเทศฝรั่งเศสในช่วงกลางศตรวรรษที่ 19 ขณะที่จิตรกรแนวอิมเพรสชันนิสม์พยายามถ่ายทอดภาพจากช่วงเวลาที่เกิดขึ้น ตัวแบบของภาพมักเป็นผู้คนและสถานที่ในชีวิตประจำวัน โดยแทนที่จะถ่ายทอดภาพออกมาให้ดูสมจริง จิตรกรกลับทำให้เห็นรอยตวัดแปรงและขีดหนา โดยใช้สีที่ไม่ได้ผสมให้เข้ากันดีเพื่อถ่ายทอดลักษณะของแสงและให้อารมณ์ของความเป็นธรรมชาติ ลองใช้รูปแบบนี้เพื่อกระตุ้นให้นึกถึงความรู้สึกเดียวกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เจาะจง
คิวบิสม์
รูปแบบคิวบิสม์มีชื่อเสียงโด่งดังจาก Pablo Picasso และ Georges Braque ในตอนต้นของยุคทศวรรษ 1900 โดยรูปแบบนี้จะแยกย่อยองค์ประกอบให้เป็นรูปทรงเรขาคณิตและพยายามถ่ายทอดตัวแบบจากทุกมุมมอง นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ตัวแบบในผลงานจำนวนมากของ Picasso มีตาที่ไม่เท่ากันและมีสองจมูก โดยมีหนึ่งจมูกในมุมมองด้านข้าง และอีกหนึ่งจมูกในมุมเอียง หากเลือกใช้รูปแบบคิวบิสม์ ระบบจะสร้างรูปภาพออกมาในแบบที่เต็มไปด้วยรูปทรงเรขาคณิตและมุม
ไซคีเดลิก
ศิลปะแบบไซคีเดลิกมีแนวโน้มผสมผสานสีสันที่สดใสเข้ากับรูปแบบที่หมุนวนอย่างประณีตเพื่อสร้างภาพที่บิดเบี้ยวและเหนือจริง (ให้คิดถึงโปสเตอร์คอนเสิร์ตจากยุคช่วงปลายปี 1960) สไตล์ไซคีเดลิกทำให้มั่นใจว่าไม่ว่าข้อความคำสั่งคุณจะเป็นอะไร ผลลัพธ์ก็จะชวนฝันและเป็นที่คาดไม่ถึง
สตีมพังก์
ศิลปะแนวสตีมพังก์มีที่มาจากแนวสตีมพังก์ในนิยายวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นการนำสไตล์วิกตอเรียนในศตวรรษที่ 19 และเทคโนโลยีเครื่องจักรไอน้ำมารวมกับนิยายวิทยาศาสตร์และสื่อแนวแฟนตาซี เอฟเฟกต์ของสตีมพังก์จะประดับตกแต่งตัวแบบของคุณด้วยเสื้อผ้ายุคเก่า (บางครั้งอาจมีแว่นตากันลม) และสร้างเครื่องจักรที่ดูซับซ้อนและสวยงาม
เซอร์เรียลลิสม์
ศิลปะแนวเซอร์เรียลลิสม์เริ่มต้นในช่วงทศวรรษที่ 1920 ซึ่งจิตรกรพยายามถ่ายทอดจิตไร้สำนึกและความฝันในรูปแบบที่ปลดปล่อยประสบการณ์ทั้งหมดของมนุษย์ออกมาอย่างเต็มที่ รูปแบบนี้เหมาะสำหรับการอธิบายถึงความฝันหรือการตีความช่วงเวลาในชีวิตที่แปลกกว่าเดิม
ซินธ์เวฟ
ซินธ์เวฟคือแนวดนตรีอิเล็กทรอนิกส์จากช่วงต้นสมัยทศวรรษ 2000 และยังเป็นรูปแบบภาพที่ชวนให้นึกถึงเหตุการณ์ในยุคทศวรรษ 1980 และรายการทีวีแนวไซไฟ ลักษณะเด่นของรูปแบบนี้คือสีชมพูสว่าง สีม่วง และสีเขียวอมน้ำเงิน ซึ่งเป็นเหมือนการใส่กลิ่นอายของไมอามีในยุคทศวรรษ 1980 เข้าไปยังข้อความคำสั่งของคุณ
วิธีใส่รูปแบบศิลปะลงในข้อความคำสั่งใน Firefly
คุณสามารถเริ่มต้นได้โดยการเปลี่ยนไอเดียของคุณให้เป็นข้อความคำสั่ง (หากคุณต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม ลองดูขั้นตอนในการสร้างงานศิลปะด้วย AI) จากนั้นป้อนชื่อของรูปแบบศิลปะที่คุณต้องการใช้ลงในช่องข้อความคำสั่งโดยตรง
หากคุณไม่แน่ใจว่าศิลปะรูปแบบไหนเหมาะสำหรับไอเดียของคุณ คุณสามารถทำตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อลองใช้รูปแบบศิลปะต่างๆ จากในแผงควบคุมได้
1 เปิด Firefly
ไปที่โมดูล Text to Image ใน Firefly
2 ค้นหาแผงควบคุม
คลิกที่รูปภาพตัวอย่างหนึ่งรูปเพื่อเปิดแผงควบคุม
3 เรียกดูรูปแบบศิลปะ
ในส่วน Effects ตรงแผงควบคุม ให้คลิก Movements เลื่อนดูรายการแล้วคลิกที่รูปแบบทางศิลปะที่คุณต้องการใช้
4 เพิ่มข้อความคำสั่งของคุณ
พิมพ์ข้อความคำสั่งลงในช่องข้อความคำสั่ง (ดูเคล็ดลับเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการเขียนข้อความคำสั่งให้มีประสิทธิภาพ)
5 สร้าง
คลิก Generate จากนั้นดูผลลัพธ์
6 ปรับแต่ง
เปลี่ยนหรือเพิ่มข้อความคำสั่งของคุณ ลองศิลปะรูปแบบต่างๆ หรือเพิ่มทิศทางมากขึ้นโดยการเลือกใช้เมนูสีและโทนสี การจัดแสง และการจัดองค์ประกอบ นอกจากนี้คุณยังสามารถลองใช้ข้อความคำสั่งเชิงลบเพื่อตัดองค์ประกอบออกจากผลลัพธ์
เพิ่มการแนะแนวทางเกี่ยวกับสไตล์เพิ่มเติมให้ Firefly ด้วย Generative Match
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีสไตล์ตรงกับภาพที่ต้องการมากที่สุด ลองเพิ่มรูปภาพอ้างอิงให้กับ Firefly คุณสามารถอัปโหลดรูปภาพของตนเอง หรือใช้สไตล์ที่อ้างอิงมาจากแกลเลอรีที่ผ่านการคัดสรรมาแล้วในแผงควบคุม เลือกรูปภาพอ้างอิงตามพื้นผิว สื่อ สไตล์ การจัดแสง และอื่นๆ
แก้ไขบางส่วนของรูปภาพด้วย Generative Fill
บางครั้งรูปภาพที่ได้ก็เกือบจะสมบูรณ์แบบแล้วโดยมีจุดต้องแก้ไขเพียงแค่หนึ่งหรือสองจุดเท่านั้น หากต้องการตกแต่งบริเวณดังกล่าว ให้เปิดพื้นที่ทำงาน Generative Fill โดยคลิกที่ปุ่ม Edit ตรงมุมบนซ้ายของรูปภาพที่คุณสร้าง จากนั้นคุณสามารถลบองค์ประกอบที่ไม่ต้องการออก หรือเพิ่มองค์ประกอบใหม่โดยใช้ข้อความคำสั่งเพื่อเพิ่มและลบองค์ประกอบ
ข้อความคำสั่ง: สุนัขดีเจฮัสกี้ใส่แว่นตาแลบลิ้นเอาอุ้งเท้าวางบนแผ่นหมุน ปรับความเร็วชัตเตอร์ค้างไว้เป็นเวลานาน ศิลปะดิจิทัล
ด้วยเครื่องมือทั้งหมดที่พร้อมให้ใช้งานใน Firefly สิ่งที่ต้องทำเพื่อให้ได้รูปภาพที่คุณต้องการจาก Generative AI นั้นก็มีแค่การทดลองแล้วทำซ้ำเท่านั้น ลองป้อนคำสั่งข้อความใหม่และสำรวจศิลปะในรูปแบบต่างๆ ไปเรื่อยๆ และอย่าลืมเพิ่มไอเดียในแบบฉบับของคุณเองลงไปด้วย หากคุณใช้ความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองผลักดันเทคโนโลยีนี้ไปในทิศทางใหม่ที่คาดไม่ถึง คุณจะสามารถสร้างรูปภาพที่น่าทึ่งออกมาได้อย่างแน่นอน
มีคำถามใช่ไหม เรามีคำตอบ
รูปแบบที่ต่างกันเหมาะกับข้อความคำสั่งที่ต่างกัน ดังนั้นให้ลองพิจารณาถึงรูปลักษณ์ที่คุณต้องการ หากยังไม่แน่ใจ ให้ลองสำรวจรูปแบบต่างๆ แล้วดูว่าคุณชอบรูปแบบไหนที่สุด วิธีนี้อาจช่วยสร้างมูดบอร์ดของรูปภาพที่เป็นแรงบันดาลใจให้คุณใช้เป็นแนวทางในการป้อนข้อความคำสั่งได้
ทดลองเล่นกับตัวแบบและรูปแบบ ลองใช้ไอเดียแบบดั้งเดิมเช่น “เรือใบสีน้ำ” หรือ “ภาพพิมพ์แกะไม้ของภูเขาไฟฟูจิที่มีชาวนาอยู่ด้านหน้า” นอกจากนี้คุณยังสามารถผสมผสานรูปแบบและตัวแบบได้ด้วย เช่น “คอนเสิร์ตเฮฟวีเมทัลแบบสีน้ำ” หรือ “ภาพพิมพ์แกะไม้ของรถบนทางด่วนในช่วงที่มีการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วน” ให้พารามิเตอร์เพิ่มเติมแก่ AI เมื่อใช้งาน โดยการเพิ่มคำอธิบายเกี่ยวกับฉากที่คุณนึกภาพให้มีรายละเอียดมากขึ้น จากนั้นลองใช้ฉากเดิมกับรูปแบบต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับรูปลักษณ์ของแต่ละรูปแบบ ตัวอย่างเช่น “หมีเท็ดดี้ปิกนิก” ที่ตีความในรูปแบบอาร์ตนูโวจะมีความแตกต่างกันกับเวอร์ชันนีโอ-เอ็กซ์เพรสชันนิสม์เป็นอย่างมาก
ในฐานะเทคโนโลยี Generative AI ประเภทหนึ่ง เครื่องมือสร้างงานศิลปะด้วย AI จึงมีลักษณะการทำงานคล้ายคลึงกับแมชชีนเลิร์นนิงประเภทอื่นๆ ซึ่งจะนำโมเดลการเรียนรู้ของเครื่องและชุดข้อมูลขนาดใหญ่หลายชุดมาใช้เพื่อให้สามารถสร้างผลลัพธ์ประเภทใดประเภทหนึ่ง Generative AI ทำให้ไม่ว่าใครก็สามารถนำถ้อยคำที่พบเจอในชีวิตประจำวันและอินพุตรูปแบบอื่นมาใช้ในการสร้างรูปภาพ วิดีโอ เอกสาร ประสบการณ์ดิจิทัล และอีกมากมาย Adobe Firefly กำลังจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของ Creative Cloud เพื่อมอบเครื่องมือที่จะช่วยให้ผู้คนทั้งสร้างผลลัพธ์อย่างรวดเร็วและปรับแต่งผลลัพธ์เหล่านั้นให้ตรงตามภาพในจินตนาการที่ไม่เหมือนใคร
ฝันให้ไกลขึ้นด้วย Adobe Firefly
จินตนาการ ทดลอง และสร้างสรรค์ผลงานด้วย Generative AI ในเว็บแอป Firefly มาใหม่ใน Creative Cloud พร้อมให้ใช้งานเชิงพาณิชย์แล้วตอนนี้
แชร์บทความนี้
