บิดพื้นที่และเวลาด้วยการควบคุมความเร็ววิดีโอ

ประโยชน์ของการควบคุมความเร็ว

เครื่องมือของผู้สร้างภาพยนตร์นั้นมีมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยจำนวนของเครื่องมือที่มีมากขึ้น การมีเครื่องมือเฉพาะและความรู้ในการสร้างภาพยนตร์ที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันจึงเป็นเรื่องสำคัญ หนึ่งในเครื่องมือนั้นคือการควบคุมความเร็วและจังหวะของภาพยนตร์ สโลโมชัน การเพิ่มเฟรมเรต และการกรอไปข้างหน้าและกรอถอยหลังต่างมีส่วนกับเสน่ห์ของภาพยนตร์

การเคลื่อนไหวต้องมาก่อน

การควบคุมความเร็วของวิดีโอและการเคลื่อนไหวในฉากเป็นวิธีการที่สำคัญในการดึงอารมณ์ของผู้ชมออกมา ยกตัวอย่างเช่น ช่วงสโลโมชันอาจสร้างความลุ้นระทึกหรือเน้นย้ำเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง

วิดีโอนักเต้นที่กำลังเต้นท่าประจำของพวกเขาในแบบสโลโมชันช่วยให้ผู้ชมมีเวลาในการโฟกัสไปกับการเคลื่อนไหวของนักเต้นและใส่ใจกับรูปแบบการเต้น เวลาการเล่นคลิปที่ช้าลงของคลิปที่นักแสดงกำลังกระโดดเพื่อคว้าขอบหน้าผาในฉากที่น่าหวาดเสียวจะทำให้ผู้ชมเริ่มลุ้นว่าตัวละครจะรอดจากเหตุการณ์นี้หรือไม่

และแน่นอน การลดความเร็วก็ไม่ใช่เพียงตัวเลือกเดียว หากคุณเพิ่มความเร็วในการเล่นเนื้อหาวิดีโอ เท่ากับเป็นการเพิ่มความรู้สึกเร่งรีบลงไป ทำให้ผู้ชมรู้สึกตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา นี่คือเคล็ดลับที่พบได้ทั่วไปในหนังแอ็คชั่น 

เฟรมเรตและการเล่นวิดีโอ

เมื่อคุณปรับความเร็วของฉาก สิ่งที่คุณควรจะเล่นด้วยมากที่สุดคือเฟรมเรต ภาพยนตร์ร่วมสมัยส่วนมากมักแสดงภาพโดยใช้เฟรมเรต 24 หรือ 30 เฟรมต่อวินาที ซึ่งหมายความว่าภาพที่แสดงให้คุณเห็นนั้นแสดงภาพให้คุณเห็น 24 ภาพภายในวินาทีเดียว สำหรับวิดีโอ YouTube หรือวิดีโอออนไลน์แล้วมักใช้อัตรา 30 เฟรมต่อวินาทีเป็นค่ามาตรฐาน ตัวเลขเหล่านี้อาจมีประโยชน์หากคุณจำเป็นต้องรีเซ็ตความเร็วในการเล่นของคุณ

การถ่ายภาพยนตร์ความเร็วสูงอาจถ่ายภาพโดยใช้จำนวนเฟรมมากกว่านั้น โดยอาจใช้มากถึง 250 เฟรมต่อวินาทีขณะถ่ายทำ ดังนั้นเมื่อนำมาฉายด้วยความเร็ว 24 เฟรมต่อวินาทีเช่นเดียวกับที่คุณเห็นบน TV ทุกความเคลื่อนไหวจึงดูช้าลง ยิ่งถ่ายเฟรมมากเท่าไร วิดีโอจะยิ่งดูช้าลงเท่านั้นเมื่อนำมาเล่น

และในทางกลับกัน การถ่ายภาพยนตร์ความเร็วต่ำถ่ายภาพโดยใช้เฟรมน้อยกว่า 24 เฟรมต่อวินาที จะทำให้ฟุตเทจมีความเร็วแต่ไม่ปะติดปะต่อเมื่อเล่นด้วยความเร็วปกติ ฉากหาดนอร์มังดีใน Saving Private Ryan เป็นหนึ่งในตัวอย่างของลักษณะนี้

ตัวเลือกทั้งสองต่างเป็นวิธีที่ทรงพลัง และยังมีระดับความเร็วต่างๆ ระหว่างความเร็วทั้งสองระดับนี้ให้ทดลองอีกมากมายในด้านการควบคุมความเร็วของวิดีโอ ใช้คลิปที่สร้างขึ้นโดยการถ่ายภาพแบบเหลื่อมเวลาเป็นส่วนเสริมในโปรเจ็กต์วิดีโอเพื่อแสดงการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมที่รวดเร็วกว่าที่ตาเราสามารถมองเห็นได้ในแบบเรียลไทม์

เรียนรู้รายละเอียดของการควบคุมความเร็ว

หากคุณไม่ต้องการถ่ายฉากโดยให้เฟรมเรตสูง คุณก็มีวิธีอื่นในการสร้างเอฟเฟกต์ที่คล้ายกัน ประโยชน์ของการใช้ Adobe Premiere Pro เป็นโปรแกรมแก้ไขวิดีโอคือการที่คุณสามารถสร้างเอฟเฟกต์ต่างๆ ที่กล่าวถึงในโพสต์ด้านบน

การกำหนดเวลาใหม่

Premiere Pro มีฟังก์ชันในการควบคุมความเร็วด้วยเครื่องมือการกำหนดเวลาใหม่ซึ่งช่วยให้คุณสามารถเร่ง ชะลอ และกรอคลิปกลับได้โดยไม่เปลี่ยนแปลงระยะเวลาของคลิป เพียงแค่คลิปบนคลิปแล้วเลือก แสดงคีย์เฟรมของคลิป › การกำหนดเวลาใหม่ › ความเร็ว จากตรงนี้ คุณสามารถปรับความเร็วของคลิปที่คุณต้องการได้โดยใช้เครื่องมือแถบยาง การลดความเร็วในการเล่นนั้นเป็นเรื่องง่ายๆ ด้วยการขยับแถบยาง

ควบคุมความเร็วและระยะเวลา

หากคุณไม่ต้องการให้ระยะเวลาคงอยู่เท่าเดิมและต้องการจะแค่เร่งหรือชะลอบางอย่างลง เครื่องมือความเร็ว/ระยะเวลาเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ เพียงแค่คลิกขวาที่คลิปแล้วเลือก ความเร็ว/ระยะเวลาเพื่อเพิ่มความเร็วในการเล่นคลิปพร้อมลดระยะเวลาของคลิป

เครื่องมือนี้ช่วยให้คุณสามารถปรับความเร็วของคลิปแต่ละคลิปและส่วนของวิดีโอทั้งส่วนตามความต้องการของคุณได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นหากคุณต้องการเล่นคลิปแบบย้อนกลับก็สามารถเลือก คืนค่าความเร็ว

Ripple และการยืด

การแก้ไขแบบ Ripple และการยืดนั้นเป็นอีกวิธีในการแก้ไขความเร็วของฉาก นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์สำหรับการแก้ไขเสียงด้วยเช่นกัน

• เครื่องมือ Maintain Audio Pitch สามารถช่วยรักษาความถี่ของเสียงได้แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงความเร็วหรือระยะเวลาก็ตาม
  
• เครื่องมือแก้ไข Ripple สามารถช่วยให้คลิปไม่ทับซ้อนหรือแทรกคลิปอื่นเมื่อมีการเปลี่ยนความเร็ว
  
• เครื่องมือ Rate Stretch เป็นเครื่องมือเปลี่ยนความเร็วที่ช่วยให้นักตัดต่อสามารถเปลี่ยนความเร็วของคลิปในไทม์ไลน์ให้ตรงกับความยาวใหม่