#1e1e1e

วิดีโอ

Dynamic Range คืออะไร

Dynamic Range คืออัตราส่วนระหว่างส่วนที่สว่างที่สุดและส่วนที่มืดที่สุดในรูปภาพ จากสีดำสนิทไปจนถึงสีขาวเจิดจ้า กล้องดิจิทัลที่ดีที่สุดสามารถจับภาพระยะอัตราส่วนนี้ได้เพียงครึ่งหนึ่งจากที่ดวงตามนุษย์มองเห็นเท่านั้น

เริ่มทดลองใช้ฟรี สำรวจ Premiere Pro

ภาพถ่าย Dynamic Range จากมุมบนของชายฝั่งในระดับน้ำทะเล

ปัญหาในภาพที่มีความต่างระดับสีสูง

รูปภาพที่มี Contrast สูงเป็นภาพที่มีทั้งเงาชัดและไฮไลต์ที่สว่างจ้า ช่วง Dynamic Range ของภาพเช่นนี้อาจอยู่เหนือความสามารถของกล้องในการจับภาพ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมภาพถ่ายของบุคคลที่ยืนอยู่ด้านหน้าหน้าต่างที่มีแสงจ้าจึงไม่สามารถแสดงรายละเอียดบนใบหน้าบุคคลนั้นหรือบรรยากาศนอกหน้าต่างได้ คุณจะถ่ายภาพได้เพียงสองแบบเท่านั้น คือ ภาพที่ถ่ายรายละเอียดบนใบหน้าได้แต่แสงที่หน้าต่างสว่างจนเบลอ หรือภาพที่ถ่ายบรรยากาศข้างนอกได้แต่รายละเอียดบนใบหน้าหายไปจนหมด ในกรณีเช่นนี้ ช่วง Dynamic Range ของภาพนั้นสูงกว่ากล้อง จึงทำให้คุณต้องเลือกว่าจะโฟกัสตัวแบบในส่วนมืดหรือหน้าต่างที่แสงส่องถึง

สำรวจ Dynamic Range ของกล้องคุณ

การหาสมดุลที่เหมาะสมระหว่างความสว่างและความมืดจะช่วยให้ภาพออกมาดูดียิ่งขึ้น ดังนั้นคุณจึงควรทดสอบขีดจำกัดกล้องของคุณ ลองถ่ายส่วนไฮไลต์และรายละเอียดเงาในสภาพแสงแบบต่างๆ ใช้ Histogram แสงสว่าง ซึ่งจะทำให้คุณสามารถดู LCD ในกล้องของคุณเพื่อช่วยถ่ายภาพได้ เครื่องมือนี้จะแสดงพิกเซลที่คุณถ่ายในรูปแบบกราฟในแต่ละดับความเข้ม หากกราฟพุ่งขึ้นสูงด้านซ้ายหรือด้านขวาแล้วลดลงเป็นหลุมตรงกลาง แปลว่าภาพของคุณอยู่ในระดับที่เกิน Dynamic Range ของกล้อง

ช็อต Dynamic Range
การจับภาพ Dynamic Range ที่งดงามในภาพถ่ายก้อนหินในเวลาตะวันตกดิน

ใช้ฟิลเตอร์ Neutral Density เพื่อลดความเข้มของแสง

ฟิลเตอร์ Neutral Density (ฟิลเตอร์ ND) มักจะทำขึ้นมาจากแก้วกระจก ซึ่งสามารถติดเข้ากับเลนส์กล้องของคุณและลดปริมาณแสงที่ผ่านเข้าสู่กล้องได้ เมื่อมีแสงน้อยลง คุณก็สามารถปรับความเร็วชัตเตอร์เพื่อขยายระยะเวลาการเปิดรับแสง หรือเพิ่มค่าเซนเซอร์ภาพของกล้อง หรือขยายรูรับแสงโดยมีความเสี่ยงน้อยลงต่อการเกิดแสงสว่างจ้าจนภาพขาวโพลน ติดฟิลเตอร์ Neutral Density กับเลนส์ของคุณ แล้วท้องฟ้าที่สว่างเกินไปจะมีรายละเอียดต่างๆ เพิ่มขึ้นมาในทันที แต่ส่วนที่เป็นเงาจะไม่กลายเป็นสีดำสนิท นอกจากจะช่วยให้ถ่ายภาพก้อนเมฆได้คมชัดยิ่งขึ้นแล้ว ฟิลเตอร์ Neutral Density ยังสามารถช่วยให้คุณจับภาพ Motion Blur และระยะชัดลึกตื้นๆ ในแสงจ้าได้อีกด้วย

ขยาย Neutral Density ของกล้องด้วยการถ่ายภาพช่วงไดนามิกสูง

การถ่ายภาพ HDR เป็นการถ่ายภาพ Multiple Exposure ของภาพเดิมหลายๆ ครั้งไปพร้อมกับการปรับค่า F-Stop บนกล้องของคุณ (ค่า F-Stop จะควบคุมปริมาณแสงที่ผ่านเข้ามายังเลนส์) คุณควรใช้ขาตั้งกล้องเพื่อให้องค์ประกอบของภาพเหมือนกันในแต่ละช็อต ถ่ายภาพด้วยค่า F-Stop ที่ตั้งค่าแบบปกติ จากนั้นถ่ายภาพหนึ่งที่เปิดรับแสงน้อยโดยปรับค่า Stop ไปอย่างน้อยทีละขั้น และถ่ายภาพหนึ่งที่เปิดรับแสงมากในวิธีเดียวกัน

สำรวจวิธีการจับภาพ HDR

เรียนรู้ว่าต้องปรับค่า F-Stop ให้ต่างกันมากน้อยเพียงใด ต้องเปิดรับแสงเท่าไหร่ และวิธีรวมภาพเข้าด้วยกันเป็นภาพ HDR

เกาะหินที่ดูมืดลงขณะที่พระอาทิตย์คล้อยต่ำ

v

รวมภาพ Multiple Exposure ด้วยบทช่วยสอนทีละขั้นตอนนี้

ดูวิธีใช้เครื่องมือ HDR ใน Adobe Photoshop Lightroom เพื่อรวมภาพ Multiple Exposure เข้าด้วยกัน

ลองใช้เทคนิคการซ้อนโฟกัสใน Adobe Photoshop

สำรวจวิธีที่การถ่ายภาพ Multiple Exposure ช่วยให้คุณสามารถสลับโฟกัสจากวัตถุหนึ่งไปยังอีกวัตถุเพื่อถ่ายทุกองค์ประกอบในภาพถ่ายให้คมชัด

Dynamic Range สำคัญไม่แพ้กันในการถ่ายวิดีโอ

การถ่ายวิดีโอที่มี Contrast สูงอาจยากกว่าการถ่ายภาพนิ่งซะอีก ไม่ว่าคุณจะถ่ายภาพในสถานที่ใด ลองสังเกตดีๆ ว่าแสงเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรเมื่อตัวแบบและ/หรือกล้องของคุณขยับ “อย่าคิดไปว่าสิ่งที่คุณเห็นบนหน้าจอ LCD คือภาพที่คุณจะถ่ายได้” ช่างภาพสารคดี Dominic Duchesneau อธิบาย “ทำความเข้าใจว่าแสงส่งผลต่อภาพของคุณอย่างไรและคุณกำลังพยายามเปิดรับแสงโดยมีวัตถุประสงค์แบบไหน”

องค์ประกอบภาพของฉากก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการถ่ายภาพ High Dynamic Range หากต้องการดึงดูดผู้ชมเข้าไปในเรื่องราว คุณย่อมต้องการสร้างภาพหลายๆ เลเยอร์ให้สายตาได้มองไปเรื่อยๆ ซึ่งอาจต้องใช้การสลับตำแหน่งโฟกัสและการปรับค่าเพื่อรับมือกับความเข้มของแสงที่เปลี่ยนไป ผู้กำกับและนักเขียนอย่าง Van Jensen กล่าวว่า “การทำแบบนี้เป็นการสร้างสรรค์ภาพเดี่ยวๆ ที่มีความงดงามและความลึกภายในภาพแต่ละภาพ ความลึกนั้นเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างโลกใบหนึ่งให้ดูยิ่งใหญ่และสมจริง”

เนินบนพื้นที่ฟาร์มด้านหน้ายอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ

ถ่ายภาพในรูปแบบไฟล์ RAW

พิกเซลในเซนเซอร์ภาพของกล้องสมัยใหม่สามารถจับภาพระยะแสงได้กว้างไกล แต่หากคุณถ่ายภาพในรูปแบบไฟล์อย่าง .wmv หรือ .avi ที่จะส่งผลให้ไฟล์ถูกบีบอัด คุณอาจสูญเสีย Dynamic Range ในภาพไปอย่างมาก “ถ้าคุณถ่ายภาพในรูปแบบไฟล์รอว์ ไฟล์ภาพของคุณจะมีข้อมูลมากมาย” Duchesneau อธิบาย “และเมื่อคุณดึงไฟล์ลงคอมพิวเตอร์ คุณก็จะสามารถปรับให้หลายๆ ส่วนในภาพกลายเป็นภาพที่คุณมองเห็นด้วยตาเปล่าได้”

กระบวนการหลังการถ่ายทำถือเป็นเพื่อนของคุณ

มีเครื่องมืออย่างมากมายที่จะช่วยให้คุณสร้างสรรค์ภาพตามที่ใจหวังได้หลังจากที่คุณถ่ายทำจนเสร็จสิ้น ในการปรับ Dynamic Range ของวิดีโอในกระบวนการหลังการถ่ายทำ คุณสามารถเรียนรู้วิธีการแก้ไขสีและสร้างสมดุลสีด้วยตนเองได้ผ่านบทช่วยสอนและการลองผิดลองถูก

อย่าลืมว่าภาพที่งดงามมักจะเริ่มต้นจากการมีแสงที่เหมาะสม “ทุกอย่างเริ่มจากจุดเริ่มต้น” Jensen อธิบาย “นักแก้ไขสีสามารถช่วยปรับส่วนแย่ๆ ในฟุตเทจได้ แต่การทำงานจะง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิมมากถ้าคุณถ่ายฟุตเทจดีๆ เพื่อให้นักแก้ไขสีปรับแต่งให้ภาพดูงดงามยิ่งขึ้นแทน”

คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าแสงตอนไหนนั้นเหมาะสมและตอนไหนที่กล้องจับภาพในช่วงที่คุณต้องการแล้ว ฝึกฝน ทดลอง และเรียนรู้ต่อไปจากข้อผิดพลาดของตนเองเพื่อพัฒนาทักษะของคุณให้ดียิ่งขึ้น


ผู้มีส่วนร่วม

Dominic Duchesneau, Van Jensen


https://main--cc--adobecom.hlx.page/cc-shared/fragments/seo-articles/do-more-premiere-pro-color-blade

คุณอาจสนใจสิ่งเหล่านี้ด้วย

https://main--cc--adobecom.hlx.page/cc-shared/fragments/seo-articles/seo-caas-collections/video-caas-collection