Lightroom (1TB)
รับ Lightroom บนเดสก์ท็อปและมือถือพร้อมบริการอื่นๆ จาก Creative Cloud ในราคาเพียง
฿380.92/เดือน (รวม VAT)
การถ่ายภาพธรรมชาติเป็นคำที่มักใช้กล่าวถึงการถ่ายภาพกว้างๆ ตั้งแต่การถ่ายภาพสัตว์ป่าไปจนถึงการถ่ายภาพมาโครของดอกไม้ ซึ่งเป็นคำที่ครอบคลุมสไตล์และแนวทางการถ่ายภาพอันหลากหลายที่มีลักษณะหลายๆ อย่างเหมือนกัน แม้จะต่างกันในทางธรรมชาติ
การถ่ายภาพธรรมชาติประเภทการถ่ายภาพที่สามารถถ่ายได้ด้วยหลากหลายวิธี ซึ่งมีความท้าทายที่แตกต่างออกไป รวมถึงโอกาสในการเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจ ไม่ว่าคุณจะพลิกแพลงปรับความเร็วชัตเตอร์เพื่อถ่ายภาพสัตว์ขณะเคลื่อนไหว หรือลองใช้ระยะชัดลึกที่ต่างไปจากเดิมเพื่อถ่ายภาพดอกไม้ในระยะใกล้ การถ่ายภาพประเภทนี้ล้วนต้องอาศัยความอดทนและความคิดสร้างสรรค์เพื่อถ่ายภาพกลางแจ้งอันงดงามให้สำเร็จ
การถ่ายภาพกลางแจ้งมีหลายข้อให้คุณพึงคำนึงถึงอยู่เสมอ สภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย แสงที่ไม่แน่นอน และสัตว์ป่าที่ไม่สามารถควบคุมได้ส่งผลให้การถ่ายภาพธรรมชาติไม่เหมือนกันเลยในแต่ละครั้ง ช่างถ่ายภาพสัตว์และสัตว์ป่าชื่อดังอย่าง Carli Davidson ระบุว่า “ช่างภาพที่ถ่ายภาพในสตูดิโอกลัวการถ่ายภาพในธรรมชาติเนื่องจากเป็นสภาพแวดล้อมที่ไม่สามารถควบคุมได้” หากคุณคุ้นชินกับการถ่ายภาพในสตูดิโอ การถ่ายภาพกลางแจ้งจะผลักให้คุณก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซน ทั้งในแง่กายภาพและความคิดสร้างสรรค์
ศิลปะแห่งการวางแผนล่วงหน้า
ก่อนที่จะสวมรองเท้าปีนเขาแล้วเริ่มออกเดินทาง อย่าลืมศึกษาค้นคว้าข้อมูลและวางแผนการถ่ายภาพกลางแจ้งของคุณก่อน ซึ่งรวมถึงการเลือกเวลาของวันและแสงอย่างมีชั้นเชิง แสงในตอนเช้าและตอนเย็นมักเหมาะสำหรับการถ่ายภาพธรรมชาติมากที่สุด เนื่องจากแสงในช่วงเวลาเหล่านี้อ่อนกว่าและไม่มีเงาชัดๆ แบบแสงในช่วงเที่ยงวัน ดังนั้นคุณจึงควรตั้งนาฬิกาปลุกตั้งแต่เช้าตรู่อย่างตี 5 แทนที่จะเป็น 8 โมงเช้า
การวางแผนยังช่วยให้แน่ใจว่าคุณได้เตรียมอุปกรณ์อย่างเหมาะสมแล้ว การถ่ายภาพของคุณขึ้นต่อสภาพแวดล้อมกลางแจ้งและคุณย่อมไม่อยากถ่ายภาพโดยมีอุปกรณ์ไม่พร้อม ซึ่ง Davidson เล่าว่า “ไม่ว่าอากาศข้างนอกจะหนาวหรือร้อน ฉันก็ต้องใช้เวลาอยู่ข้างนอกทั้งวัน” การจัดเตรียมเสื้อผ้า อุปกรณ์ และเครื่องมืออย่างเหมาะสมจึงสำคัญยิ่ง คุณควรพกอุปกรณ์กันน้ำเพื่อป้องกันเครื่องมือของคุณในทุกๆ ครั้ง รวมทั้งพกหมวกเพื่อกันแสงสะท้อนกล้องในกรณีที่มีแดดจ้า เพื่อให้คุณสามารถมองเห็นหน้าจอกล้องได้ในการตรวจสอบการเปิดรับแสง
“คุณไม่จำเป็นต้องพกอุปกรณ์เยอะมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดในการถ่ายภาพธรรมชาติคือการพาตัวเองออกไปสู่ธรรมชาติ” ช่างภาพมากประสบการณ์อย่าง Jeff Calrson อธิบาย ไม่ต้องขนอุปกรณ์ไปมากมาย แต่อย่าลืมพกแบตเตอรี่สำรอง การ์ดเก็บข้อมูล และเลนส์ที่มีความยาวโฟกัสกว้างๆ โดย Carlson แนะนำให้เริ่มใช้กล้อง DSLR ที่มีเลนส์ 18–55 มม. ซึ่งมีความยาวเพียงพอให้คุณสามารถถ่ายภาพรายละเอียดส่วนหนึ่งในระยะไกล ในขณะที่ยังสามารถจับภาพรายละเอียดของสภาพแวดล้อมรอบตัวได้ด้วย
ความท้าทายของแสงกลางแจ้ง
หนึ่งในความท้าทายที่ยากที่สุดในการถ่ายภาพกลางแจ้งคือการปรับค่าการเปิดรับแสงให้เหมาะสม หากเมฆเคลื่อนมาปกคลุมบริเวณที่คุณถ่ายภาพ ภาพของคุณอาจมีแสงไม่เพียงพอเนื่องจากสภาวะแสงน้อย การแก้ไขปัญหานี้อย่างเร็วๆ คือการตรวจสอบการเปิดรับแสงของคุณอยู่เสมอขณะถ่ายภาพ และไม่ควรลบภาพถ่ายใดๆ ออกจนกว่าจะสามารถตรวจสอบภาพเมื่อกลับมาอยู่ในอาคาร แล้วหลังจากนี้จะเป็นเรื่องของความเชี่ยวชาญทางเทคนิค โดย Davidson ชี้ให้เห็นว่าคุณอาจรู้สึกตื่นเต้นหรือเสียสมาธิได้ง่ายๆ ระหว่างถ่ายภาพกลางแจ้ง ดังนั้นการฝึกทักษะทางเทคนิคของคุณจนกลายเป็นความเชี่ยวชาญจึงจะเป็นประโยชน์ต่อคุณในระยะยาว คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการใช้เวลาถ่ายภาพตลอดทั้งวัน เพียงเพื่อจะกลับมาดูภาพในภายหลังแล้วพบว่าภาพมีแสงขาดๆ เกินๆ ไปซะหมด
ทำความเข้าใจสภาพแวดล้อมของคุณ
อีกหนึ่งองค์ประกอบหลักในการถ่ายภาพกลางแจ้งคือการเคารพสิ่งแวดล้อมและการทำความเข้าใจสภาพแวดล้อมที่คุณใช้ถ่ายภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณควรปฏิบัติตาม ไม่ว่าคุณจะถ่ายภาพที่หลังบ้านหรือสถานที่ไกลๆ ที่คุณเดินทางไปเยี่ยมชม คุณควรยื่นเรื่องขออนุญาตเสมอเมื่อจำเป็น รวมถึงไม่เดินออกนอกเส้นทาง และรักษาสภาพแวดล้อมของสถานที่นั้นๆ ให้ดีเหมือนกับตอนที่คุณเดินทางไปถึง หนึ่งในภัยคุกคามหลักๆ ของการถ่ายภาพธรรมชาติคือการใช้ทรัพยากรอย่างเกินควร ยกตัวอย่างเช่น หากคุณต้องเดินตัดผ่านทุ่งดอกอัลไพน์ คุณก็ควรเดินตามเส้นทางที่มีอยู่แล้ว เนื่องจากดอกไม้เหล่านี้ต้องใช้เวลาหลายทศวรรษในการโตเพียงไม่กี่นิ้ว
การเตรียมตัวให้พร้อมคือหัวใจหลักในการถ่ายภาพสัตว์และสัตว์ป่าขณะเคลื่อนไหว สัตว์เคลื่อนตัวค่อนข้างเร็ว และการตอบสนองที่ล่าช้าของคุณก็อาจหมายความว่าคุณเสียโอกาสในการถ่ายภาพไปแล้ว การใช้ความเร็วชัตเตอร์สูงๆ อย่างเหมาะสมสามารถช่วยคุณในสถานการณ์นี้ได้ ปรับชัตเตอร์ของคุณให้เร็วมากพอเพื่อตัดปัญหาเรื่องกล้องขยับโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อให้คุณถ่ายภาพสัตว์ในลักษณะที่แน่นิ่งเหมือนเวลาหยุดเดินได้สำเร็จ
การตามหาสัตว์ให้พบและการติดตามสัตว์อาจเป็นเรื่องยาก และแม้ว่าคุณจะไม่สังเกตเห็นสัตว์ แต่สัตว์มองเห็นคุณอย่างแน่นอน บางครั้งคุณก็อาจพบเจอโอกาสในการถ่ายภาพสวยๆ หรือสัตว์หายากได้เอง แต่ในกรณีที่ไม่เป็นเช่นนั้น คุณต้องฝึกให้ตัวเองมีความอดทน ในบางครั้งที่คุณยอมแพ้และตัดสินใจว่าคงไม่มีกวางโผล่มาให้ถ่ายภาพ กวางที่ตามหาก็อาจโผล่ออกมาจากป่าซึ่งห่างไปไม่กี่หลา
นกถือเป็นตัวแบบที่ดีเนื่องจากสามารถพบเจอได้ในทุกๆ ที่ แต่ Carlson อธิบายว่า “จะไม่มีนกบินเข้ามาใกล้คุณนัก เว้นแต่ว่าคุณกำลังถ่ายภาพอยู่ใกล้ๆ แหล่งอาหารของฮัมมิงเบิร์ด การใช้เลนส์ระยะกลางย่อมช่วยให้คุณถ่ายภาพนกได้ แต่นกจะมีขนาดเล็กจิ๋วภายในภาพ การซูมเข้าไปอาจช่วยให้คุณถ่ายภาพดีๆ ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความละเอียดของกล้องที่คุณใช้” จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการทำความเข้าใจขีดจำกัดของอุปกรณ์ของคุณจึงเป็นเรื่องสำคัญ ความเข้าใจนี้สามารถช่วยให้คุณตัดสินใจในเชิงศิลปะได้ในขณะกำลังถ่ายภาพ รวมถึงส่งผลต่อสิ่งที่คุณเลือกถ่ายในการถ่ายภาพแต่ละครั้ง การมีเลนส์ซูมสามารถยกระดับภาพถ่ายสัตว์ป่าของคุณได้อย่างมาก แต่ก็หมายความว่าคุณต้องพกอุปกรณ์เพิ่มขึ้นมาอีกชิ้นด้วยเช่นกัน
สัตว์ไม่ใช่ตัวแบบที่ยอมอยู่นิ่งๆ ให้ถ่ายภาพเสมอไป แม้ตัวแบบที่ว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่ผ่านการฝึกฝนมาก็ตาม คุณควรถ่ายภาพพร้อมแผนในใจ รวมทั้งเตรียมพร้อมที่จะแต่งภาพในขั้นตอนหลังการถ่ายภาพ คุณอาจไม่สามารถถ่ายภาพที่มีเอกลักษณ์หรือน่าสนใจได้ในบางครั้ง แต่การแต่งภาพในภายหลังสามารถช่วยพลิกโฉมให้ภาพถ่ายธรรมดาๆ กลายเป็นภาพที่ยอดเยี่ยมได้
พืชเป็นตัวแบบที่เข้าท่าที่สุดหากคุณต้องการความแน่นอน “สิ่งที่ยากคือระยะชัดลึก” Ben Long อาจารย์และช่างถ่ายภาพธรรมชาติอธิบาย “การเข้าไปใกล้ๆ ดอกไม้จะส่งผลให้ระยะชัดลึกของคุณตื้น คุณจึงอาจไม่สามารถถ่ายภาพโดยเก็บรายละเอียดที่คุณต้องการโฟกัสได้ทั้งหมด” เตรียมขาตั้งกล้องไปด้วยเพื่อให้คุณสามารถเพิ่มระยะเวลาการเปิดรับแสงให้นานยิ่งขึ้นและใช้รูรับแสงที่แคบลง ซึ่งจะช่วยให้ระยะชัดลึกของคุณลึกมากกว่าเดิม แม้คุณจะสามารถควบคุมตัวแบบของคุณได้มากกว่าเมื่อคุณถ่ายภาพต้นไม้ แต่คุณก็ยังคงต้องรับมือกับปัจจัยอื่นๆ อยู่ดี อย่าปล่อยให้ลมมาทำลายการถ่ายภาพ Long Exposure ของคุณ ลองหาอะไรมาป้องกันตัวแบบ หรือใช้ที่ยึดเพื่อยึดให้ดอกไม้อยู่กับที่
Davidson แนะนำให้ถ่ายภาพในโหมด Aperture Priority เพื่อให้คุณควบคุมระยะชัดลึกได้มากขึ้น พืชเป็นตัวแบบที่ถ่ายภาพได้ง่าย แต่ก็เป็นตัวแบบที่พบได้ทั่วไปเช่นกัน ทว่าแทนที่จะรู้สึกหมดกำลังใจไปเพราะความจริงข้อนี้ Davidson ชี้ให้เห็นกว่าการถ่ายภาพพืช “เปิดโอกาสให้คุณเล่นสนุกและลองถ่ายภาพในแบบใหม่ๆ” ผลักความคิดสร้างสรรค์ของคุณไปในอีกระดับ แล้วหาวิธีแปลกใหม่ในการถ่ายภาพให้น่าสนใจ
การถ่ายภาพภูมิทัศน์ถือเป็นทักษะที่แยกออกไปต่างหาก แต่ก็ยังคงรวมอยู่ในหมวดหมู่ของการถ่ายภาพธรรมชาติ โดยช่างภาพภูมิทัศน์ Samuel Nute แนะนำว่า หากต้องการถ่าภาพให้ดูดีที่สุด คุณต้อง “อดทนรอให้สภาวะต่างๆ เหมาะสมก่อน แล้วพยายามถ่ายภาพสถานที่ดังๆ ในมุมที่แตกต่างออกไป” นอกเหนือจากการรับมือกับสภาพอากาศ การค้นหาตัวตนและสไตล์ของคุณก็ถือเป็นส่วนที่ท้าทายที่สุดในการถ่ายภาพภูมิทัศน์
หากมีอะไรที่ต้องคำนึงถึงอยู่เสมอ สิ่งนั้นคือแสง ช่วงเช้าตรู่และช่วงพลบค่ำ (หรือที่เรียกว่าช่วงเวลา Golden Hour) มีแสงที่เหมาะแก่การถ่ายภาพภูมิทัศน์สวยๆ มากที่สุด อีกทั้งยังเหมาะสำหรับการถ่ายภาพท้องฟ้าให้ออกมางดงาม โดย Carlson ระบุว่า “บางครั้งช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดินที่เหมาะแก่การถ่ายภาพมากกว่าคือหลังจากพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ท้องฟ้าจะเต็มไปด้วยสีสันโดยขึ้นอยู่กับเมฆในขณะนั้น หลายๆ ครั้งผมเห็นผู้คนถ่ายภาพแล้วรีบเก็บของกลับหลังจากพระอาทิตย์ตกดิน” ประสบการณ์จะสอนคุณได้ดีที่สุด ดังนั้นหากคุณต้องการพัฒนาทักษะการถ่ายภาพภูมิทัศน์ คุณก็ควรพาตัวเองออกไปข้างนอกแล้วเริ่มถ่ายภาพ
“บางครั้งช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดินที่เหมาะแก่การถ่ายภาพมากกว่าคือหลังจากพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ท้องฟ้าจะเต็มไปด้วยสีสันโดยขึ้นอยู่กับเมฆในขณะนั้น หลายๆ ครั้งผมเห็นผู้คนถ่ายภาพแล้วรีบเก็บของกลับหลังจากพระอาทิตย์ตกดิน”
การจัดเตรียมอุปกรณ์อย่างเหมาะสมก็ถือว่าสำคัญยิ่ง เลนส์ Wide-Angle เหมาะสำหรับการถ่ายภาพภูมิทัศน์ให้ออกมาสะกดสายตา ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถถ่ายภาพด้วยระยะชัดลึกที่ลึกมากกว่าเลนส์ Telephoto คุณจึงสามารถโฟกัสฉากเบื้องหน้าได้ทั้งหมด แล้วก็เช่นเดียวกับการถ่ายภาพธรรมชาติประเภทอื่นๆ อุปกรณ์ที่เหมาะสมสามารถเปลี่ยนสถานการณ์จากหน้ามือเป็นหลังมือได้ ดังนั้นอย่าลืมพิจารณาว่าควรพกเลนส์ใดไปด้วยบ้าง
แม้ธรรมชาติจะอยู่เหนือการควบคุม แต่การเรียนรู้เพื่อปรับตัวตามความจริงข้อนี้จะช่วยให้คุณยกระดับทักษะของคุณและค้นพบจิตวิญญาณนักผจญภัยที่ซ่อนอยู่ของคุณ ตราบใดที่คุณวางแผนล่วงหน้าและไม่ลืมตรวจสอบการเปิดรับแสง ผลลัพธ์จากการถ่ายภาพจะออกมาน่าพอใจเสมอ
แก้ไขรูปภาพอย่างง่ายดายด้วย Preset ของ Lightroom อย่างSuper Resolution แชร์ภาพถ่ายอย่างง่ายดายจากทุกอุปกรณ์ และเข้าถึงโปรเจกต์ต่างๆ ของคุณได้ทุกที่ด้วยการจัดการพื้นที่จัดเก็บภาพถ่ายบนระบบคลาวด์
สร้างภาพทิวทัศน์ที่ยอดเยี่ยม
สำรวจวิธีถ่ายภาพทิวทัศน์ที่สวยงามอย่างมีศิลปะพร้อมเคล็ดลับในการถ่ายภาพทิวทัศน์
ค้นพบรายละเอียดในการถ่ายภาพท้องฟ้ายามค่ำคืนอันน่าทึ่ง
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเร็วชัตเตอร์
ค้นพบว่าการปรับความเร็วชัตเตอร์ช่วยให้คุณถ่ายภาพที่ชัดเจนได้หรือจับภาพช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยการเคลื่อนไหวได้อย่างไร
เดินทางสู่โลกใบใหม่และทำให้ตัวแบบขนาดเล็กของคุณดูใหญ่โตเกินจริงด้วยเคล็ดลับการถ่ายภาพมาโคร
แก้ไข จัดระเบียบ จัดเก็บ และแบ่งปันภาพถ่ายได้จากทุกที่
ใช้งานฟรี 7 วัน จากนั้น ฿380.92/เดือน
รับ Lightroom, Lightroom Classic, Photoshop และพื้นที่เก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์ 20GB ทดลองใช้ฟรี 7 วัน จากนั้น ฿304.95/เดือน
รับแอปสร้างสรรค์สำหรับเดสก์ท็อปและมือถือทั้งหมดมากกว่า 20 แอป
ใช้งานฟรี 7 วัน จากนั้น ฿1,143.83/เดือน
Lightroom (1TB)
รับ Lightroom บนเดสก์ท็อปและมือถือพร้อมบริการอื่นๆ จาก Creative Cloud ในราคาเพียง
฿380.92/เดือน (รวม VAT)
Lightroom (1TB)
รับ Lightroom บนเดสก์ท็อปและมือถือพร้อมบริการอื่นๆ จาก Creative Cloud ในราคาเพียง
฿380.92/เดือน (รวม VAT)
Creative Cloud photography (20GB)
รับ Lightroom สำหรับเดสก์ท็อปและมือถือ, Lightroom Classic รวมถึง Photoshop บนเดสก์ท็อปและ iPad
฿380.92/เดือน (รวม VAT)
Creative Cloud photography (20GB)
รับ Lightroom สำหรับเดสก์ท็อปและมือถือ, Lightroom Classic รวมถึง Photoshop บนเดสก์ท็อปและ iPad
฿380.92/เดือน (รวม VAT)
นักเรียนและครู
ประหยัดกว่า 60% สำหรับแอป Creative Cloud กว่า 20 รายการ — รวมถึง Lightroom
฿761.84/เดือน (รวม VAT)
ธุรกิจ
รับ Lightroom และแอป Creative Cloud ทั้งหมด รวมถึง ฟีเจอร์ธุรกิจสุดพิเศษ
฿2,211.69/เดือน (รวม VAT)
ธุรกิจ
รับ Lightroom และแอป Creative Cloud ทั้งหมด รวมถึง ฟีเจอร์ธุรกิจสุดพิเศษ
฿2,211.69/เดือน (รวม VAT)