ดูเคล็ดลับและเทคนิคของผู้เชี่ยวชาญสำหรับการถ่ายภาพ Candid

ผู้คนปฏิบัติตัวแตกต่างออกไปเมื่อสังเกตเห็นกล้อง

การมีกล้องอยู่จะทำให้ผู้คนแสดงออกและตอบสนองอย่างแตกต่างออกไป ผู้คนจะรู้ตัวเมื่อมีใครกำลังถ่ายรูปและกล้องระดับมืออาชีพก็อาจดูน่ากลัวได้ โดย Minh Tran ช่างภาพหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์และช่างภาพคอนเสิร์ตระบุว่า “กล้องก็เหมือนอาวุธที่พร้อมยิง” ทันทีที่ยกกล้องออกมา กล้องจะกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาประหม่าได้หลากหลายแบบ “ผู้คนที่รู้ตัวว่ากำลังถูกถ่ายภาพจะมีการตอบสนองที่ไม่เหมือนกัน” เขาอธิบาย “บางคนต้องชอบให้คนมาถ่ายภาพ คนกลุ่มนี้จึงจะจ้องมาที่คุณและพยายามทำตัวให้คุณสนใจ แต่บางคนจะตั้งท่าระวังตัว โดยจะรีบหนีไปหรือขอร้องอย่างสุภาพว่าไม่ให้ถ่ายภาพ หรืออาจแสดงออกรุนแรงขึ้นมาอีกนิดและปิดหน้าตัวเองไว้” ช่างภาพ Candid จึงต้องอ่านสถานการณ์ให้ออก รวมถึงพัฒนาทักษะมนุษยสัมพันธ์และการสังเกตการณ์ของตัวเองเพื่อรับมือกับปฏิกิริยาเช่นนี้

ปรับตัวตามสถานการณ์

ช่างภาพ Candid สามารถเรียนรู้อะไรได้หลายอย่างจากการถ่ายภาพวารสารศาสตร์ “การโพสท่าอะไรถือว่าขัดต่อหลักการของเราจริงๆ” ช่างภาพวารสาร Beth Nakamura กล่าว “งานของเราคือการที่เราไม่สามารถควบคุมอะไรได้ เราสละการควบคุม การควบคุมถือเป็นการฝ่าฝืนกฎของการถ่ายภาพวารสารศาสตร์ เราพยายามถ่ายภาพชีวิตตามความเป็นจริง” ซึ่งต้องอาศัยการปรับตัวตามสถานการณ์และความพร้อมที่จะถ่ายภาพอยู่ทุกเมื่อ

นอกจากนี้ ทักษะมนุษยสัมพันธ์ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการถ่ายภาพ Candid ให้ดีอีกด้วย “ช่างภาพบางคนถ่ายภาพช่วงเวลา Candid ได้เก่งอย่างเป็นธรรมชาติมาก” ช่างภาพวารสารและผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของหนังสือพิมพ์เล่า “ราวกับว่าเป็นเพื่อนกับทุกคน ช่างภาพบางคนให้ความรู้สึกที่ดีจริงๆ พวกเขาไม่หวาดหวั่นเลย”

การพัฒนาทักษะมนุษยสัมพันธ์ ความสามารถในการปรับตัวให้กลมกลืน และความสามารถในการถ่ายภาพจังหวะเผลอๆ ถือเป็นทักษะสำคัญสำหรับช่างภาพ Candid “เมื่อเวลาผ่านไป ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการเข้าสังคมและความสามารถในการปรับตัวตามสถานการณ์ของคุณ” Nakamura อธิบาย “คุณต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในสถานการณ์นั้นๆ โดยต้องอ่านสถานการณ์ให้ออกแล้วปรับตัวตาม จากนั้นจึงแทรกตัวเข้าไป”

เมื่อคุณกลายเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นและดำเนินงานอย่างเป็นธรรมชาติอยู่ในสถานการณ์นั้นแล้ว การถ่ายภาพก็จะผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติมากขึ้น “คุณแทรกตัวเข้าไปในสถานการณ์ ดำเนินงานจากข้างใน แล้ววิถีชีวิตจะปรากฏขึ้นตรงหน้าคุณและรอบตัวคุณ” Nakamura บอกเล่า “จากนั้นคุณจะเป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิต คุณจะอยู่ในวิถีชีวิตนั้นๆ คุณกลายเป็นผู้ถ่ายทอดสารคดีชีวิต”

การค้นหาช่วงเวลาที่ชี้ชะตา

การแทรกตัวเข้าไปในสถานการณ์ใหม่ๆ อย่างคล่องแคล่วอาจเป็นเรื่องยากเมื่อมีข้อควรพิจารณาทางเทคนิคให้กังวล การอ่านผู้คนให้ออกเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสิ่งที่ต้องทำเมื่อคุณต้องกังวลเกี่ยวกับระยะชัดลึก เลนส์ซูม หรือการตั้งค่ากล้องไปด้วย คุณปรับค่าตามสภาวะแสงต่ำแล้วหรือยัง ความเร็วชัตเตอร์ของคุณเหมาะสมแล้วใช่ไหม ปัจจัยทั้งหมดนี้อาจพอกพูนกันจนกลายเป็นอุปสรรคใหญ่หลวง

“คุณต้องผ่อนคลาย” Nakamura แนะนำ “ซึ่งหมายถึงการพัฒนาทักษะทางเทคนิคของคุณจนถึงระดับที่คุณไม่ต้องคอยกังวลอยู่ตลอดเวลา เมื่อคุณคุ้นเคยกับเครื่องมือของคุณมากขึ้นแล้ว คุณจะสามารถก้าวไปข้างหน้าด้วยทักษะที่สูงขึ้นในด้านการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทุกรูปแบบ”

การขัดเกลาทักษะและการทำความคุ้นเคยกับอุปกรณ์ที่คุณใช้ต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง “คุณต้องพัฒนาทักษะและสร้างสรรค์ผลงานต่อไป” Nakamura อธิบาย “เมื่อคุณมีทักษะมากขึ้น สมองของคุณจะเริ่มคุ้นเคยกับเครื่องมือ ปุ่มต่างๆ ฉันใช้อุปกรณ์ได้อย่างรวดเร็วเพราะนิ้วของฉันขยับไปเองโดยสัญชาตญาณ” การฝึกฝนที่เพียงพอจะช่วยให้ช่างภาพดำเนินงานอย่างรวดเร็วและง่ายดายมากพอจนสามารถไปมีส่วนร่วมกับตัวแบบได้ เนื่องจากไม่ต้องคอยจดจ่ออยู่กับการจัดการเครื่องมือของตนเอง

การพัฒนาทักษะของคุณให้กลายเป็นสัญชาตญาณไม่มีทางลัด ไม่มีเคล็ดลับใดเกี่ยวกับการถือกล้อง ไม่มีอุปกรณ์ ซอฟต์แวร์ หรือคำแนะนำอะไรที่จะทำให้คุณถ่ายภาพ Candid ให้แสดงถึงตัวตนที่แท้จริงได้ในทันที มีเพียงการสร้างสรรค์ผลงานภาพถ่ายขึ้นมาเท่านั้น การใช้เวลาไปกับการถ่ายภาพ แก้ไขภาพ และประเมินว่าภาพใดถ่ายทอดความเป็นจริงออกมาถือเป็นวิธีเดียวที่ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าได้ผลในการฝึกให้ตนเองถ่ายภาพ Candid ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

เมื่อทักษะของคุณพัฒนาถึงระดับนั้น ดวงตาของคุณจะเชี่ยวชาญในการเสาะหาและมองออกเมื่อพบช่วงเวลาที่มีการแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา “ถ่ายภาพเป็นประจำสม่ำเสมอ คอยมองหาจังหวะที่ซ่อนอยู่” Marie แนะนำ “อย่าหยุดมองหา”