การถ่ายภาพ (20GB)
฿304.95/เดือน (รวม VAT)
Lightroom บนเดสก์ท็อปและมือถือ Lightroom Classic และ Photoshop บนเดสก์ท็อปและ iPad ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ดูว่าทำไมช่างภาพสถาปัตยกรรมจึงต้องคำนึงถึงช่วงเวลาของวัน สภาพอากาศ และ Vantage Point เพื่อสร้างสรรค์ภาพถ่ายอันตระการตาของอาสนวิหาร บ้านเรือน ตึกระฟ้า และอื่นๆ อีกมากมาย
การถ่ายภาพสถาปัตยกรรมครอบคลุมภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นถึงภายในและภายนอกของสิ่งที่มนุษย์ก่อสร้างขึ้นมา ตั้งแต่ภาพถ่ายอาคารเก่าแก่ไปจนถึงที่พักอาศัยอันเรียบง่าย ตัวแบบที่แน่นิ่งและเข้าถึงได้ง่ายทำให้การถ่ายภาพสถาปัตยกรรมกลายเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับช่างภาพหลายคนไปโดยธรรมชาติ “ผมคิดว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี” ช่างภาพ Nick Ulivieri กล่าว “สถาปัตยกรรมตั้งอยู่ในที่ของมันอยู่แล้ว และคุณก็สามารถออกไปข้างนอกแล้วถ่ายภาพอะไรก็ตามที่คุณอยากถ่ายได้เลย” คุณไม่จำเป็นต้องมีสตูดิโอหรือใช้การจัดแสงที่ซับซ้อนเพื่อถ่ายภาพอาคารให้ออกมาดูดี อย่างน้อยก็ในกรณีที่ถ่ายภาพสถาปัตยกรรมภายนอก รวมทั้งไม่จำเป็นต้องคอยกำกับนางแบบหรือนายแบบ ตัวแบบของคุณอยู่นิ่งไม่เคลื่อนไหว คุณจึงมีเวลาศึกษาว่าการตั้งค่าอาจส่งผลต่อทุกภาพที่คุณถ่ายอย่างไร แสง สภาพอากาศ และมุมที่อาจถ่ายได้ถือเป็นตัวแปรที่คุณต้องพิจารณาขณะเริ่มพัฒนาทักษะการถ่ายภาพสถาปัตยกรรม
คุณจะไม่สามารถควบคุมอะไรได้มากเมื่อคุณถ่ายภาพอาคารด้านนอก “ความท้าทายของการสร้างสรรค์ภาพถ่ายสถาปัตยกรรมที่มีคุณภาพสูงคือ คุณต้องรู้ว่าเมื่อใดควรหรือไม่ควรถ่ายโครงสร้างแต่ละประเภท” Ulivieri อธิบาย “การถ่ายภาพของคุณขึ้นอยู่กับความเอื้ออำนวยของการออกแบบของอาคาร สถานที่ตั้ง แสงเงา และสภาพอากาศ” ในการถ่ายภาพบางรูปแบบ คุณอาจควบคุมสภาพแวดล้อมเพื่อสร้างสรรค์ภาพถ่ายที่ตรงใจได้ แต่สำหรับถ่ายภาพตัวแบบที่เป็นสถาปัตยกรรม ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสามารถในการปรับตัวของคุณ
การรับมือกับช่วงเวลาของวันและสภาพอากาศ
“มีภาพถ่ายอยู่สองช็อตหลักๆ ซึ่งก็คือภาพถ่ายช่วงเวลากลางวันอันงดงามที่คุณจับภาพท้องฟ้าสีครามและอาจมีเมฆแซมอยู่บ้าง” Ulivieri กล่าว “และอีกช็อตก็คือช่วงเวลา Blue Hour”
ช่วงเวลา Blue Hour เป็นเวลาหลังพระอาทิตย์เพิ่งตกดิน โดยท้องฟ้าจะเปลี่ยนเป็นสีชมพู ฟ้า หรือม่วง และภาพถ่ายอาคารในช่วงเวลาดังกล่าวก็อาจช่วยเน้นแสงสีภายนอกให้โดดเด่นไปพร้อมๆ กับส่องแสงไปยังองค์ประกอบภายนอกอย่างส่วนหน้าของอาคารได้ นอกจากนี้ ภาพที่ถ่ายในช่วงเวลา Blue Hour ยังอาจทำให้แสงภายในอาคารส่องสว่างราวกับอาคารเรืองแสงจากภายใน แสงสว่างจ้า สีโทนเข้ม และ Contrast ที่ชัดเจนของภาพถ่ายในช่วงเวลา Blue Hour ทำให้ช็อตเหล่านี้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับภาพทางเข้าขนาดใหญ่ที่มักจะเป็นตัวเด่นบนเว็บไซต์ โบรชัวร์ หรือสื่ออื่นๆ
แม้การถ่ายภาพสถาปัตยกรรมบางส่วนจะมีวัตถุประสงค์ทางศิลปะ แต่ลูกค้าหลายรายก็ต้องการแสดงอาคารหรืออสังหาริมทรัพย์เพื่อวัตถุประสงค์ทางการค้าผ่านภาพถ่ายในวันที่อากาศแจ่มใสหรือหลังจากพระอาทิตย์เพิ่งตกดิน คุณควรเลี่ยงแสงอาทิตย์โดยตรงสำหรับการถ่ายภาพในช่วงเวลากลางวันเหล่านี้ การถ่ายภาพเมื่อดวงอาทิตย์อยู่เหนือศีรษะโดยตรงจะส่งผลภาพมี Contrast ที่ดูกระด้างและเกิดเงาชัด “การถ่ายภาพสถาปัตยกรรมภายนอกขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของวันเป็นหลัก” ช่างภาพ Kenton Waltz กล่าว “การถ่ายภาพในช่วงเวลา Magic Hour นั้นเหมาะอย่างยิ่งเนื่องจากคุณจะไม่ประสบปัญหาเรื่องแสงที่ต่างกันอย่างรุนแรง” ช่วงเวลา Magic Hour หรือที่เรียกว่า Golden Hour คือช่วงเวลาราวหนึ่งชั่วโมงหลังพระอาทิตย์ขึ้นหรือก่อนพระอาทิตย์ตก ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นช่วงเวลาที่มีแสงอบอุ่นและนุ่มนวล
อาคารแต่ละหลังมักจะดูดีในช่วงเวลาและสภาพอากาศที่แตกต่างกันออกไป “หากคุณถ่ายภาพโครงสร้างที่เอียงไปทางสถาปัตยกรรม Brutalist ซึ่งออกแบบให้เน้น Contrast คุณก็ควรถ่ายภาพในช่วงเที่ยงวันซึ่งมีแสงเงามากกว่า” Waltz อธิบาย เช่นเดียวกันกับโครงสร้างอาคารอุตสาหกรรมที่สร้างจากโลหะและคอนกรีตที่อาจดูสะกดสายตาเป็นพิเศษเมื่อชุ่มไปด้วยฝน หรือคฤหาสน์สไตล์วิกตอเรียนที่อาจดูชวนขนลุกภายใต้ท้องฟ้ามืดครึ้ม และหากคุณต้องการเน้นให้เห็นความสูงของตึกระฟ้า คุณก็อาจเลือกถ่ายภาพขณะที่ยอดอาคารมีเมฆล้อมรอบ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ขึ้นอยู่กับการหาสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการถ่ายภาพแต่ละอาคาร
การหา Vantage Point ที่เหมาะสม
ภาพถ่ายในระดับถนนอาจไม่ใช่มุมที่เหมาะที่สุดสำหรับตัวแบบของคุณ “หากคุณกำลังถ่ายภาพตึกระฟ้าหรืออาคารที่สูงกว่า 30 ชั้น คุณก็ควรหา Vantage Point” Waltz แนะนำ โดยให้ยืนอยู่ในระดับความสูงครึ่งหนึ่งของสิ่งที่คุณพยายามถ่ายภาพ เพื่อเลี่ยงไม่ให้มุมมองบิดเบี้ยว หากคุณเงยหน้าขึ้นมองโครงสร้างอาคาร เส้นต่างๆ ของอาคารจะดูเหมือนไปบรรจบลงด้วยกันเนื่องจากมุมมองเพอร์สเปกทีฟ แต่หากคุณอยู่ตรงข้ามกับอาคารพอดี มุมมองเพอร์สเปกทีฟจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้สำหรับอาคารที่สูงเป็นพิเศษ Vantage Point อาจไม่ได้อยู่บนพื้นดินหรืออยู่ในอาคารใกล้เคียง “บางครั้ง โดรนก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในกรณีที่คุณไม่สามารถเข้าไปยังจุดที่จำเป็นในการถ่ายภาพ” Waltz กล่าว เครนและเฮลิคอปเตอร์ก็เป็นอีกตัวเลือกหากคุณมีงบประมาณมากพอ
สิ่งแรกที่ช่างภาพสถาปัตยกรรมภายในทุกคนต้องทำคือการเตรียมพื้นที่ เนื่องจากบ้าน สำนักงาน หรืออาคารที่มีคนอาศัยอยู่จริงนั้นจะไม่ได้พร้อมสำหรับการถ่ายภาพให้สมบูรณ์แบบ แต่จะเป็นการจัดวางเพื่อใช้งานในแต่ละวัน ช่างภาพสถาปัตยกรรมภายในที่เก่งๆ จะรู้วิธีแก้ปัญหาดังกล่าว “เรื่องนี้เป็นเรื่องตลกที่อยู่กับช่างภาพสถาปัตยกรรมภายในมานาน” Waltz เล่า “แต่งานที่หนักที่สุดของเราคือการเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์”
นอกจากนี้ ช่างภาพสถาปัตยกรรมภายในยังควรพร้อมหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดออกมาทุกเมื่อ “ทุกคนล้วนมีคราบยาสีฟันติดกระจก” Waltz กล่าว “ไม่ว่าคุณจะเป็นใครหรือบ้านของคุณแพงจะแค่ไหน กระจกของคุณจะมีคราบยาสีฟันติดอยู่เสมอ ดังนั้นให้เตรียมตัวพร้อมทำความสะอาดพื้นที่”
เมื่อสถานที่พร้อมแล้ว ให้ย่อตัวต่ำลง การถ่ายภาพในความสูงระดับต่ำสามารถช่วยให้จับภาพสิ่งที่อยู่ในห้องจริงๆ ได้มากขึ้น “ผมชอบถ่ายภาพจากระดับส่วนสูงของเด็ก” Ulivieri ระบุ “กล้องของผมอาจตั้งอยู่ในระดับสองฟุตครึ่งถึงสามฟุตจากพื้น หากคุณถ่ายภาพจากระดับที่ต่ำลงมาหน่อย คุณจะสามารถโฟกัสรายละเอียดต่างๆ ในพื้นที่นั้นได้มากขึ้น” Vantage Point ระดับที่ต่ำลงมาดังกล่าวทำให้เก้าอี้ โซฟา และโต๊ะดูโดดเด่นในภาพ หากอยู่ในระดับที่สูงขึ้นมาหน่อย คุณจะถ่ายภาพที่โฟกัสไปยังผนังและประตูต่างๆ เป็นส่วนมากแทน
สภาพอากาศยังคงเป็นปัจจัยในการถ่ายภาพสถาปัตยกรรมภายใน หากคุณถ่ายภาพอสังหาริมทรัพย์ในวันที่ไม่มีแสงหรือฝนตก คุณจะต้องพร้อมรับมือการทุกสภาพแสงธรรมชาติ (หรือการไม่มีแสง) ที่ส่องเข้ามาภายในพื้นที่ “คุณสามารถจัดองค์ประกอบภาพได้ไม่ว่าพื้นที่นั้นจะมีแสงสว่างเพียงพอหรือไม่” Ulivieri อธิบาย อุปกรณ์ระดับไฮเอนด์อย่างแฟลชนอกตัวกล้องก็อาจช่วยแก้ไขสภาวะที่มีแสงธรรมชาติไม่เพียงพอได้ด้วย แต่การจัดองค์ประกอบภาพที่ดีจะมีประโยชน์มาก
การถ่ายภาพสถาปัตยกรรมไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์มากนัก แต่คุณควรมีมากกว่ากล้อง DSLR ในการถ่ายภาพให้ออกมายอดเยี่ยม
แม้จะมีอุปกรณ์ที่เหมาะสมครบถ้วน สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับช่างภาพสถาปัตยกรรมทุกคนคือความอดทน “คุณไม่สามารถเร่งรัดเรื่องเหล่านี้ได้” Waltz กล่าว “เราอาจต้องใช้เวลาทั้งวันและถ่ายภาพได้เพียงสิบภาพ” ดังนั้นโปรดเตรียมใจให้พร้อมรับมือกับสภาพแวดล้อม สภาพอากาศ และตัวอาคาร ซึ่งอาจเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลานาน แต่ก็เป็นขั้นตอนที่ช่วยให้สามารถถ่ายภาพทุกอย่างออกมาได้งดงาม ตั้งแต่สถานที่พักอาศัย ไปจนถึงโครงสร้างอาคารมหึมาที่เส้นขอบฟ้า
สร้างภาพทิวทัศน์ที่ยอดเยี่ยม
สำรวจวิธีถ่ายภาพทิวทัศน์ที่สวยงามอย่างมีศิลปะพร้อมเคล็ดลับในการถ่ายภาพทิวทัศน์
เริ่มต้นถ่ายภาพอสังหาริมทรัพย์
เริ่มต้นเส้นทางสู่การถ่ายภาพอสังหาริมทรัพย์ด้วยเคล็ดลับและข้อมูลเชิงลึกต่างๆ จากมืออาชีพที่ทำงานในด้านนี้
เคล็ดลับการถ่ายภาพธรรมชาติทุกรูปแบบ
สำรวจความเป็นไปได้ในการถ่ายภาพธรรมชาติ ตั้งแต่สัตว์ที่กำลังเคลื่อนไหวไปจนถึงทิวทัศน์ที่กว้างใหญ่ไพศาล
พัฒนาทักษะการจัดองค์ประกอบภาพถ่ายเพื่อถ่ายภาพให้สวยงามยิ่งขึ้น
ค้นหาแผน Creative Cloud ที่เหมาะกับคุณ
฿304.95/เดือน (รวม VAT)
Lightroom บนเดสก์ท็อปและมือถือ Lightroom Classic และ Photoshop บนเดสก์ท็อปและ iPad ดูข้อมูลเพิ่มเติม
Photography (20GB)
Lightroom บนเดสก์ท็อปและมือถือ Lightroom Classic และ Photoshop บนเดสก์ท็อปและ iPad ดูข้อมูลเพิ่มเติม
฿304.95/เดือน (รวม VAT)
฿876.33/เดือน (รวม VAT)
รับ Photoshop บนเดสก์ท็อปและ iPad ในฐานะส่วนหนึ่งของ Creative Cloud ดูข้อมูลเพิ่มเติม
Adobe Photoshop Single App
รับ Photoshop บนเดสก์ท็อปและ iPad ในฐานะส่วนหนึ่งของ Creative Cloud ดูข้อมูลเพิ่มเติม
฿876.33/เดือน (รวม VAT)
฿1,143.83/เดือน (รวม VAT)
รับ Photoshop บนเดสก์ท็อปและ iPad รวมทั้งคอลเลกชันแอปสร้างสรรค์ทั้งหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
All Apps
รับ Photoshop บนเดสก์ท็อปและ iPad รวมทั้งคอลเลกชันแอปสร้างสรรค์ทั้งหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
฿1,143.83/เดือน (รวม VAT)
฿761.84/mo. (รวม VAT)
ประหยัดกว่า 65% สำหรับคอลเลกชันแอป Creative Cloud ทั้งหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
นักเรียนและครู
ประหยัดกว่า 65% สำหรับคอลเลกชันแอป Creative Cloud ทั้งหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
฿761.84/เดือน (รวม VAT)